บทที่ 89 ขอร้องผมสิ
สาวสวยในชุดกี่เพ้าที่มาที่คลินิกไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซูเยียนรัน
ตอนนี้ซูเยียนรันกำลังโด่งดังมีชื่อเสียงในโลกดนตรีมาก ผู้กำกับหลายคนเข้าหาเธอเพื่อหวังว่าเธอจะก้าวไปสู่วงการนักแสดงได้
เธอเองก็หวังว่าจะพัฒนาเป็นศิลปินควบคู่ ดังนั้นล่าสุดเธอจึงรับบทแสดงละครเรื่องหนึ่ง
ละครเรื่องนี้ค่อนข้างสอดคล้องกับชีวิตจริง มันสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ดิ้นรนของคนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่
เพื่อจะแสดงให้ดีขึ้นเธอจึงเดินทางไปหลาย ๆ แห่งเพื่อดูวิถีชีวิตของคนธรรมดาที่ดิ้นรนเพื่อชีวิตในเมืองใหญ่นี้อย่างไร
ดังนั้นวันนี้เธอจึงบังเอิญมาที่หมู่บ้านชานเมืองแห่งนี้ แต่ที่บังเอิญกว่านั้นคือเธอเห็นลู่เสี้ยงหยางที่นั่งอยู่ในคลินิก
แวบแรกที่เห็นลู่เสี้ยงหยาง ฉากนั้นปรากฏขึ้นในใจของเธอ
ครึ่งเดือนก่อนลู่เสี้ยงหยางเข้าร่วมงานเลี้ยงเพื่อนร่วมชั้นของเย่สวน ในวันนั้นเย่สวนกำลังถูกทำร้ายและลู่เสี้ยงหยางก็ได้ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาจึงจัดการกับหม่าเถิงเฟยอย่างหมดทางสู้
นับจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็ประทับใจลู่เสี้ยงหยางเป็นพิเศษ เธอหวังว่าลู่เสี้ยงหยางจะมีเซอร์ไพรซ์ให้เธออีกในอนาคต
และสิ่งที่ไม่คาดคิดคือเธอจะได้เจอกับลู่เสี้ยงหยางในคลินิกเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ แห่งนี้
ลู่เสี้ยงหยางผู้ซึ่งเป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามในร้านคาราโอเกะวันนั้น เขาทั้งสูงล่ำ ทั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมันสวนทางกับลู่เสี้ยงหยางที่นั่งอยู่คลินิกเล็ก ๆ ในวันนี้มาก
ภาพที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ของลู่เสี้ยงหยางถูกบีบอัดลงอย่างต่อเนื่องในใจของซูเยียนรัน รัศมีที่ส่องแสงนั้นค่อย ๆ หรี่ลงในใจของเธอ
“เฮ่อ!” ในที่สุดซูเยียนรันก็ถอนหายใจ แม้ลู่เสี้ยงหยางจะเก่งเรื่องการต่อสู้ แต่แล้วยังไง? สุดท้ายก็ต้องกลับสู่ชีวิตความเป็นจริง ต้องกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้ง
โลกในตอนนี้ไม่ใช่ยุคของการใช้กำลังอีกต่อไป แต่ต้องใช้สมองในการทำมาหากิน
ต่อให้ลู่เสี้ยงหยางจะเก่งในเรื่องการต่อสู้มากแค่ไหน เขาก็คงสู้จนกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดไม่ได้
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ซูเยียนรันก็ยิ่งรู้สึกผิดหวัง แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไป
“เหอะ ๆ นี่มันคุณซูซุปตาร์โด่งดังไม่ใช่เหรอ? เข้ามาในคลินิกเล็ก ๆ แบบนี้ได้ไง คงไม่ได้ตั้งใจมาหาหมอใช่ไหม?” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพูดพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณจะทำงานที่นี่” ซูเยียนรันไม่ได้ตอบคำถามของลู่เสี้ยงหยาง แต่ยังพูดด้วยสีหน้าดูถูกเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ? ผมจะทำงานที่นี่ไม่ได้หรือไง?” ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกตลก
ซูเยียนรันยักไหล่แล้วมองลู่เสี้ยงหยางสักพักถึงจะพูดต่อ “ทักษะทางการแพทย์ของคุณคงเทียบกับศิลปะการต่อสู้ของคุณไม่ได้หรอกมั้ง คุณคงเลือกอาชีพผิดแล้วที่มาทำงานในคลินิกเล็ก ๆ แห่งนี้ ถ้าคุณไม่อยากเดินผิดเส้นทางการงานอีกฉันมีข้อเสนอแนะที่ดีให้กับคุณนะ”
“โอ้ จริงเหรอ?” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพูด “ผมก็อยากฟังคำแนะนำของคุณเหมือนกัน”
ซูเยียนรันพยักหน้า แล้วริมฝีปากสีแดงก็เริ่มเปล่งเสียงไพเราะออกมา “ฉันยังขาดบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่คนหนึ่ง เห็นว่าเย่สวนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน อีกอย่างคุณก็ฝีมือดีด้วยเช่นกัน ฉันจึงอยากฝากโอกาสนี้ไว้กับคุณ ถ้าคุณทำหน้าที่ได้ดีในระหว่างที่ทำงานให้ฉัน ฉันจะคอยสนับสนุนและส่งเสริมคุณ ฉันเชื่อว่าสำหรับคุณนั้นไม่ใช่เรื่องยากหรอกที่จะกลายเป็นนักแสดงศิลปะการต่อสู้”
นักแสดงศิลปะการต่อสู้?
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกตลกเล็กน้อย คำพูดนี้คงมีแต่ซูเยียนรันเท่านั้นที่กล้าพูดกับเขา
เนื่องจากเขาเป็นผู้ดูแลบริษัทเฟยหยางกรุ๊ป ถ้าเขาเต็มใจที่จะเป็นนักแสดงจริง ๆ คนดังระดับแถวหน้าทุกคนคงต้องกลายเป็นตัวประกอบของเขาแล้ว
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณความปรารถนาดีจากคุณซูก่อนนะครับ ถ้าคุณซูตั้งใจมาหาหมอก็เชิญอยู่ต่อ แต่ถ้าไม่ใช่ก็เชิญกลับเลยนะครับ” ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างใจเย็น
“นาย…...” ทันทีที่ได้ยินลู่เสี้ยงหยางพูดเช่นนี้ซูเยียนรันก็รู้สึกโกรธมาก อุตส่าห์หวังดีอยากจะส่งเสริมเขาอย่างจริงใจ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่เห็นค่าได้ขนาดนี้
ในขณะนี้ซูเยียนรันนึกถึงคำพูดเชิงเปรียบเทียบคำหนึ่ง ก้อนหินในหลุมน้ำเน่าทั้งเหม็นทั้งแข็ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ