13
สิ้นวาสนา
หลี่ซิ่วอิง
หลายปีต่อมา
ขบวนเสด็จขององค์หญิงใหญ่ นามว่าหลี่หรงเหมยเหริน เป็นนามที่ฮ่องเต้ซึ่งเป็นเสด็จลุงขององค์หญิงใหญ่ พระราชทาน นามและยศมอบให้แก่นางเพื่อเป็นรางวัลในการออกรบชนะสิบทิศไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้เลยสักครั้งเดียว บัดนี้ ขบวนเสด็จขององค์หญิงใหญ่ ก็เข้ามาถึงประตูเมืองหลังจากไปออกรบ กับแคว้นศัตรูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ได้รับชัยชนะกลับมาตามคาด รถม้าที่เคลื่อนตัวเข้ามาภายในประตูเมือง
ประชาชนของแคว้นก็พากันออกมาชื่นชมและยินดีร่วมกันกับการออกรบในครั้งนี้ใบหน้าใต้ผ้าคลุมสีขาวแม้จะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าแต่ก็ซ่อนความงดงามไว้ไม่มิด บรรดาชายหนุ่ม คุณมีเงินมากมายและคุณชายที่มียศ ต่างพากันชื่นชมในความสามารถของนางแต่ก็ไม่มีใครที่จะอาจเอื้อมไปถึงตัวนางได้เพราะนับตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนสิ้นวาสนาต่อคนรัก จึงเอาเวลาทั้งหมดของชีวิตดูแล บุตรชายทั้งสอง และการออกรบปกป้องบ้านเมือง โดยไม่ได้คิดถึงคนรักหรือพ่อของลูกคนใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว แมวจะมองและเชยชมได้แต่บรรดาชายหนุ่มก็รู้ดีว่าองค์หญิงคงไม่มองลงมาหาพวกเขาอย่างแน่นอน
“ท่านยาย ท่านยายดูสิ องค์หญิงผู้นี้งดงามยิ่งนักโตขึ้นไปข้าก็อยากจะงดงามเช่นเดียวกับองค์หญิง"
“เจ้าเด็กน้อยเอ้ย องค์หญิงกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็เคยเป็นเด็กธรรมดาเช่นเดียวกับเจ้า องค์หญิงต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าจะได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ถึงเพียงนี้ ไว้เจ้าโตขึ้นข้าจัดส่งเจ้า ไปเป็นนางกำนัล คอยรับใช้องค์หญิงก็แล้วกัน"
“คงมีสักครั้ง ที่ข้าจะมีโอกาสนะท่านยาย ท่ายายช่วยเล่าเรื่องของ องค์หญิงให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่เจ้าคะ"
" องค์หญิงใหญ่มีพี่น้องร่วมกัน 5 คนองค์หญิงใหญ่เป็นคนที่สองรองมาจากองค์ชาย 9 ที่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ องค์ปัจจุบันซึ่งเป็นเสด็จลุงขององค์หญิงใหญ่ในราชวงศ์นี้มีองค์หญิงเพียง 6 คนเท่านั้นแต่ตอนนี้เหลือเพียง 5 คนแล้ว ในอดีตนั้น เคยเกิดการฆ่าล้างตระกูลหลี่จนคนในตระกูลต้องหนีตายกัน บุตรชายและบุตรสาวขององค์หญิงหลี่ชิงเซียนกับราชบุตรเขยติงเสี่ยวเฟิ่งหายสาบสูญไป จนองค์หญิงหลี่ชิงเซียนรวบรวมกำลังและกลับมาในรอบ 7ปีที่หายจึงใช้เวลาถึง 4 ปีเต็มในการค้นหา บุตรชายและบุตรสาวทั้งห้าคน แต่เสียดายที่เกิดเหตุไม่คาดฝันกับองค์หญิงหก”
“จึงไม่สามารถนำองค์หญิงหกกลับมาได้ เมื่อหลายปีก่อนมีบุรุษรูปงามผู้หนึ่งถือชุดแต่งงานนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูเมืองข้าได้ยินนางกำนัลคุยกันว่า คนนั้นคือบิดาขององค์ชายน้อยทั้งสอง และองค์หญิงใหญ่ได้เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าหาก บุรุษผู้นั้นคุกเข่าถึงเจ็ดวันนางจะคืนดีด้วยแต่อนิจา เมื่อเข้าวันที่เจ็ดองค์หญิงแต่งองค์ทรงเครื่องงดงามออกมาหน้าประตูวังด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานแต่พออกมากลับไม่พบบุรุษผู้นั้นอีก องค์หญิงเลยก้าวเดินกลับเข้าประตูวังด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทไปนับแต่นั้น มีบุรุษมากมายส่งเทียบเชิญมาเชิญองค์หญิงใหญ่ไปร่วมงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้งแต่โดนปฏิเสธอย่างเลือดเย็นไม่นานองค์หญิงใหญ่ก็หนีไปออกรบก่อนที่จะกลับมาในปีนี้"
"ท่านยายรู้เยอะดีจังเลย"
"ก็ข้าเป็นหมอตำแยนี้น่า"
หลี่ซิ่วอิง
ข้าก้าวเท้าลงจากรถม้าที่เดินทางไกล มาจากชายแดน การออกรบในครั้งนี้ ทำของเราเป็นฝ่ายชนะ การต่อสู้ที่ดิ้นรนมาจนถึงตอนนี้ ไม่สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อยเมื่อก้าวเท้าลงจากรถม้านางกำนัลที่ดูแลเหล่าองค์ชายน้อย เมื่อเห็นข้าก็รีบวิ่งมาหาข้าทันที
“องค์หญิงพระองค์หญิงเกิดเรื่องแล้วเพคะ!!"
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าว่ามา"
“องค์ชายน้อยหลี่จวินฮ่าวขืนใจคุณชายอวี้หรงหลิว ตอนนี้กำลังโดนตัดสินโทษอยู่ ท้องพระโรงองค์หญิงใหญ่รีบไปเร็วเพคะ"
"นำทางข้าไป"
"เพคะ"
เจ้าเด็กสิ้นคิดคนนี้ช่างกล้าหาญ เสียจริง บังอาจที่ไปทำล่วงเกินผู้อื่นไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ เป็นบุรุษเช่นนี้สมควรจะต้องโดนลงโทษให้แสนสาหัสกับการกระทำของเขา ราชวงศ์ของข้าตระกูลของข้าไม่มีผู้ใดที่กระทำความชั่ว แบบนี้มาก่อนเห็นควรต้องลงโทษให้หนัก
"องค์หญิงใหญ่เสด็จ"
"ถวายพระพรฝ่าบาทหม่อมฉัน หลี่ซิ่วอิงกลับมาแล้วเพคะ"
“ดีที่เจ้ากลับมา เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องของบุตรชายเจ้าแต่ให้เจ้าลงโทษตามสมควร แต่เจ้าต้องการเลย"
"ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท"
"หวังเหล่ย ไปเอาแส้ลงทัณฑ์มาให้ข้าเดี๋ยวนี้"
"ขอรับ"
“พี่หญิงเสี่ยวฮ่าว ยังเด็กนักไม่รู้ความอะไรกระทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจที่อยากได้ลงทันเขาเลยนะเพคะ"
“อายุตั้ง 18 แล้วยังเป็นเด็กกันหรือเปล่าเห็นว่าข้าโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง เป็นบุรุษ กล้าทำก็ต้องกล้ารับทำผิดต้องได้รับการลงโทษทำถูกก็ได้รับการยกย่องไม่ให้ลงโทษก็เหมือนกับการปล่อยปละละเลยให้คนนั้นกระทำผิดอีกเจ้ารู้หรือไม่ว่าจะทำอะไรผิดเจ้ามีความผิดอะไร!!"
"ข้า...”
“เจ้า ไม่รู้นะว่ากระทำผิดอะไรไว้...ข้อแรกเจ้าข่มขืนผู้อื่นทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นโดยที่ไม่ใช่ภรรยาถึงเป็นภรรยาก็ไม่สามารถที่จะกระทำเช่นนั้นได้นี่คือความผิดแรกของเจ้า!!!!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮูหยินไร้พ่าย
เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น่ฮูหยิน กระบือเถอะ...