ภาค 3 ตอนที่ 7 อาจารย์หญิง – ตอนที่ต้องอ่านของ ฮูหยินไร้พ่าย
ตอนนี้ของ ฮูหยินไร้พ่าย โดย เสาเย่า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ภาค 3 ตอนที่ 7 อาจารย์หญิง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 7
อาจารย์หญิง
เมื่อมาถึงตำหนักของไท่ซ่างหวง (บุตรชายในอดีต) ก็มีขันทีนางกำนัลมากมายมาดูแลที่ตำหนักแม้จะห่างไกลจากตำหนักหลวง แต่ก็มีเหล่าเชื้อพระวงศ์มาถวายพระพรไท่ซ่างหวงอยู่เกือบทุกวัน
"ตำหนักข้างนี้ยังว่าง เสด็จแม่รอสักครู่นางกำนัลกำลังทำความสะอาดตำหนักข้างอยู่"
"อืม เจ้าหิวมั้ย"
"หิวมากเสด็จแม่รอสักนิดลูกบอให้ขันทีเตรียมอาหารที่ครัวหลวงแล้ว"
"ข้ารอได้"
"เสด็จแม่อยู่ที่นี้อยากจะทำอะไรหรือไม่พะยะค่ะ"
"เจ้าบอกเองว่าจะให้ข้าเป็นอาจารย์หญิงของพวกเขาในเมื่อเป็นเช่นนั้นแลเวข้าจะเข้าเป็นอาจารย์ของสำนักบัญฑิตหลวง เพื่อสอนพวหเขาเอง"
"เสด็จแม่..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องแค่นี้เอง"
"งั้นถ้าเสด็จแม่ว่างวันใดก็ค่อยเข้าไปที่สำนักบัญฑิตหลวง"
"อีก 2 วันก็แล้วกัน"
ในช่วงกลางวันของวันต่อมา สาวใช้ของข้าเดินเข้ามาที่ตำหนักข้างก่อนจะมีสีหน้าไม่สู้ดีนักข้าเลยมองนางสักพักแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามใดๆ จนนางยอมเอ่ยปากพูดออกมาเอง
“คุณหนู”
“มีอันใด”
“ฮองเฮาเสด็จมาเจ้าค่ะ”
“นางมาทำไม”
“คุณหนูนั้นฮองเฮานะเจ้าคะ”
“แล้วอย่างไร นางมาหาข้าเช่นนี้มองอย่างไรก็ต้องมาหาเรื่องข้าแน่”
“แล้วจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ไท่ซ่างหวงว่าอย่างไร”
“ไท่ซ่างหวงเข้าบรรทมช่วงกลางวันไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อมาแล้วก็ช่างเถอะ ออกไปพบหน่อยแล้วกัน”
ข้าแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาพบเจอกับฮองเฮาที่ศาลากลางน้ำ ที่รอคอยอย่างรอคอยใครสักคน ข้าจึงเดินเข้าไปถวายพระพรฮองเฮาและนางสนมคนอื่นๆที่ตอนนี้มารวมตัวกันมากมาย มีทั้งมาใหม่และคนเก่าๆ แต่ข้าไม่เคยเจอเพราะตอนที่แต่งไปอยู่แคว้นอู๋ก็มีแค่สหายรักของข้าที่เป็นคู่หมั้นเท่านั้น
ข้าที่ถวายพระพรอยู่จะลุกขึ้นมาได้ต้องได้รับอนุญาตจากฮองเฮาแต่นานเกือบครึ่งก้านธูปกว่าฮองเฮาจะบอกให้ข้าลุกขึ้นได้
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“นางเป็นใครหรือเพคะฮองเฮา”
“สตรีที่มาพร้อมกับไท่ซ่างหวงเมื่อวานนี้”
“หน้าตางดงามดีนะเพคะ นางจะมาทำอะไรที่นี้หรือไท่ซ่างหวงต้องการจะส่งนางมาเป็นสนมให้กับฝ่าบาท”
“ถามนางสิว่ามาทำอะไรที่นี้”
เสียงหวานติดเย็นชาของฮองเฮาดังขึ้นมามีแววเยาะเย้ยในน้ำเสียงนั้นทำเอาข้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเองมองใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีสันสวยงามตรงหน้า ด้วยสายตาเบื่อหน่ายข้าส่งสายตาไปทางสาวใช้ของข้านางจึงเร้นกายออกไปทันที ข้ามองหญิงงามที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เคารพพวกนางอีกทำเอาพวกนางไม่พอใจกิริยาของข้าที่แสดงออกมา
“บังอาจกล้ามองฮองเฮาด้วยสายตาเช่นนี้หรือ!!”
ปัง!!!!
“เจ้าเองก็บังอาจ!!”
“สตรีชั้นต่ำ!!”
ข้าจ้องมองใบหน้านั้นด้วยสายตาเอาเรื่องข้าอยากควักลูกตาพวกนางให้หมดทุกคนเสียจริงสารเลวยิ่งนัก คนเช่นนี้สมควรตายอย่างยิ่ง ข้าไม่พอใจพวกนางยิ่งนักไม่ชอบใจเลยด้วยซ้ำที่อย่างมาทำตัวหยิ่งยโสใส่ข้า
“ไท่ซ่างหวงเสด็จ!!!”
“ไหนเจ้าบอกว่าไท่ซ่างหวงบรรทมกลางวันไปแล้ว”
“หม่อมฉันกล่าวเป็นความจริงนะเพคะ”
“ข้าเรียกไท่ซ่างหวงมาเอง”
“บังอาจ”
“ชั้นต่ำ”
“เจ้าอยากรู้มั้ยว่าใครชั้นต่ำชั้นสูงคอยดูสิ”
“ไท่ซ่างหวงเสด็จ!!!”
“ถวายพระพรเพคะไท่ซ่างหวง”
“พวกเจ้าเป็นสตรีวังหลังเหตุใดจึงบังอาจมายุ่งกับคนของเราฮองเต้ไม่สั่งสอนพวกเจ้าหรือ หรือนำพรรคพวกมาคือฮองเฮา”
“หม่อมฉัน...”
“ไปตามฮองเต้มา”
“พะยะค่ะ”
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”
“นำพวกนางเข้าตำหนักเจ้า”
“เพคะ”
พวกนางสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากกว่าเดิมข้าเลยเดินจากไปอย่างไม่ต้องไว้หน้าใครอีกน่าเบื่อยิ่งนักเรื่องของข้าดันต้องมาให้คนพวกนี้รู้เข้า ข้ามองไปยังหลี่จวินฮ่าวหรือไท่ซ่างหวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆอย่างไม่ชอบใจเมื่อสตรีวังหลังวุ่นวายเพียงนี้แม้พวกนางจะไม่ใช่สนมของเขาก็ตาม
วันต่อมา
ข้าแต่งตัวมาที่สำนักศึกษาที่มีเหล่าเชื้อพระวงศ์อยู่ในนี้ มีพระสหายร่วมเรียนกันอย่างสนุกสนาน เด็กๆเหล่านี้อายุเพียงสิบขวบปีถึงสิบเจ็ดปีที่เรียนอยู่ที่นี้ ข้าเดิมเข้ามาสิ่งแรกที่เด็กเหล่านี้กระทำคือการต้อนรับข้าอย่างอบอุ่น
ซ่าาาาาา!!!!
หึ! เด็กอ่อนหัดข้าหลบน้ำที่ถูกสาดออกมาอย่างรวดเร็วถือว่าเป็นการต้อนรับอาจารย์หญิงได้อย่างอบอุ่นเสียจริง เจ้าเด็กพวกนี้ข้าส่งยิ้มนิดหน่อยไปให้อาจารย์ใหญ่ที่มาส่งข้าที่ห้องเรียน พอพวกเด็กน้อยเหล่านี้ทำการต้อนรับไม่สำเร็จก็อารมณเสียกันยกใหญ่แต่มีหรือที่ข้าจะสนใจก่อนจะเดินเข้าไปจ้องมองพวกนั้น ข้าให้สาวใช้ของข้าปิดประตูทันที
"ข้าเป็นอาจารย์หญิงที่จะมาสอนพวกเจ้าทุกคนที่นี้นัลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นามของข้าคืออวิ๋นซิ่วอิง"
"เอาอาจารย์เชาคืนมาข้าไม่อยากเรียนกับเจ้า"
"เจ้าคือ?"
"ข้าคือองค์ชายห้าโอรสที่เสด็จพ่อทรงรักมากคนหนึ่ง"
"ก็แค่คนหนึ่งเท่านั้น ฝ่าบาทมีพระโอรสพระธิดาเกือบสิบคนย่อมถูกรักหมดทุกคนอยู่แล้ว อาจารย์เชามีอาการป่วยมานานควรพักผ่อน พวกท่านคุณหนู คุณชาย และเหลือเชื้อพระวงศ์ ไม่ว่าข้างนอกจะยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ที่นี้ข้าใหญ่สุด เชื้อฟังข้าจะเป็นการดีที่สุดอายุก็สิบสามสิบสี่กันแล้วเป็นเด็กดีเถอะ"
"เจ้า!!!!"
"องค์ชายห้า ไม่อยากเรียนก็ออกไป"
"พวกเราออกไปกัน!!!"
"พะยะค่ะ!!!"
เด็กในห้องที่ออกไปเกือบหมดห้องเหลือเพียงเด็กสี่ห้าคนที่ที่อดทนนั่งอยู่เพื่อที่จะเรียนกับข้า ข้ามองเด็กเหล่านี้มีองค์หญิงเจ็ดองค์ชายแปดที่เคยเจอกันที่นอกวังก่อนหน้านี้นั่งเรียนอยู่ด้วย ส่วนอีกสามคนดูจากการแต่งกาย พวกเขาคงสอบทุนเข้ามาได้จึงจำต้องเรียนอยู่ที่นี้ข้าจึงลงมือสอนพวกเข้าทันที่
สายน้ำกระทบคลื่นเนินอู่กัง
จากกันวันนี้ไม่โศกา
เขาเขียวทิวแนวร่วมฝนฟ้า
เดือนเพ็ญไหนหรือมีสองดวง
"บทกวีนี้ผู้ใดเป็นผู้แต่งขึ้นมา"
"ข้าขอตอบขอรับอาจารย์หญิงอวิ๋น ผู้แต่งบทกววีนี้คือหวังชางหลิงขอรับ"
"เจ้ามีนามว่าอะไร แล้วรู้ถึงความหมายของบทกวีนี้หรือไม่"
"ข้ามีนามว่าหลู่เหวินชงขอรับ สายน้ำและเกลียวคลื่นไม่อาจรับรู้ถึงความรู้สึกของการลาจาก ยังคงไหลสู่ด้านล่างเลียบเมืองอู่กังตามวิถี เป็นเรื่องราวร่ำลากันของสองสหายระหว่างขุนนางฉายและหวังชางหลิงคราวขุนนางฉายมาเยี่ยมเยียนถึงถิ่นอำเภออู่กัง ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่เลิกรา งานเสร็จก็ต้องจาก จึงเป็นหน้าที่ของหวังชางหลิ่งที่ต้องไปส่งเพื่อน แต่การส่งครั้งนี้ ไม่มีความเศร้าเสียใจใดๆ ตลอดเส้นทางต้องผจญกับเมฆฝนและผ่านแมกไม้เขาเขียวด้วยกัน ท้ายสุดก็ต้องลากันไปคนละแห่งหน แม้จะอยู่คนละที่ แต่ก็อยู่ใต้แสงจันทร์ดวงเดียวกัน ขอรับ"
"เจ้ารอบรู้ดียิ่ง"
ข้าจึงสอนต่อจนหมดเวลา เด็กทั้งห้าคนนั้นเรียนเสร็จก็กลับบ้านเรือนของตนข้าจึงมองส่งพวกเขากลับบ้านก่อนจะแวะไปหาปั๋วเหิงหราน สามีสุดที่รักของข้าที่ตอนนี้เราย้ายมาอยู่เรือนอาจารย์สำนักศึกษา และวันนี้ของทุกอย่างก็อยู่ที่เรือนหลังนี้แล้ว พร้อมกับปั๋วเหิงหรานและบ่าวรับใช้ทั้งสามคนของข้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮูหยินไร้พ่าย
เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น่ฮูหยิน กระบือเถอะ...