หวานใจประธานเย็นชา นิยาย บท 25

   วันนี้หลินหวีมีเคสผ่าตัด ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาไปลา ทำได้เพียงฝากให้พยาบาลไปบอกเธอ โดยบอกว่าให้เธอรักษาอาการบาดเจ็บให้หายเร็วๆ และกลับมาทำงานในโรงพยาบาลโดยไวที่สุด

    สุดท้ายก็เป็นลุงหลินที่จัดรถไปรับเสิ่นเยว่ซีกลับตระกูลกู้ และตลอดเวลากู้หยุนเซินก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเลย

    ความหวังในใจของเสิ่นเยว่ซีกลับค่อยๆ หายไป ตลอดเวลาเธอไม่ได้กล่าวอะไรเลย และไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก

    ไม่นานก็มาถึงตระกูลกู้ ลุงหลินสั่งให้คนรับใช้มายกกระเป๋า แล้วเสิ่นเยว่ซีก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นช้าๆ 

    วันนี้โจวหลันไม่ได้ออกไปช้อปปิ้งและเล่นไพ่อย่างเคยๆ เธอกำลังนั่งดื่มชาดำอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเธอเห็นเสิ่นเยว่ซีเดินเข้ามาลำพังเพียงคนเดียว รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ 

    “อ้าว ฉันนึกว่าใคร เสิ่นเยว่ซีนี่เอง เธอยังมีหน้ากลับมาที่ตระกูลกู้อีกเหรอ”

    เสิ่นเยว่ซีกำลังเตรียมจะขึ้นไปข้างบน ทว่าเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้จึงชะงัก “ทำไมฉันถึงต้องอายด้วยคะ ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันถึงจะไม่กล้ากลับมาล่ะ!”

    โจวหลันฟึดฟัดเสียงเย็น เธอวางถ้วยในมือลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปัง และกล่าวด้วยโทนเสียงแปลกๆ “ตอนนี้ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเธอถูกลักพาตัว ข่าวลือแพร่สะพัดไปถึงข้างนอก เธอรู้ไหมว่ามันเป็นเพราะเธอคนเดียว  ตระกูลกู้ของเราถึงได้ขายขี้หน้าไปหมด”

    ข่าวลือ?

    เสิ่นเยว่ซีผงะเล็กน้อย เธออยู่ในโรงพยาบาลมาตั้งหลายวัน ลุงหลินตั้งใจที่จะกุมเอาไว้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปข้างนอกแล้ว

    เมื่อเห็นท่าทีของเธอเช่นนี้ โจวหลันก็ยังคงเติมเชื้อไฟต่อ “ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าหยุนเซินเลือกผู้หญิงคนไหน ยิงเธอด้วยมือของเขาเอง ในฐานะภรรยาของเขา เธอไม่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองล้มเหลวเหรอ ฉันแนะนำให้เธอยอมรับความจริงเสียเถอะ และหย่ากับหยุนเซินโดยเร็วที่สุดเพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเธอเองต้องอับอาย เธอไม่ต้องกังวลนะ หลังจากที่หย่า ตระกูลกู้จะไม่มีทางเอาเปรียบเธอแน่นอน”

    ใบหน้าของเสิ่นเยว่ซีไร้ซึ่งสีเลือด ฟันขาวของเธอกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตนเอง

    “แม่ เห็นแก่หน้าของหยุนเซิน ฉันจึงเรียกคุณว่าแม่นะ คนอื่นไม่รู้ว่าเหตุผลที่ทำให้ฉันถูกลักพาตัวคืออะไร คุณเองก็ยังไม่รู้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?ถึงอย่างไร ตอนนี้ฉันก็เป็นคนของตระกูลกู้ ไม่เป็นอะไรเลยที่คุณไม่ช่วยจัดการกับข่าวลือพวกนั้น แต่คุณก็ยังจะมาเหน็บแนมฉัน บีบบังคับให้ฉันหย่า มันไม่มากเกินไปเหรอคะ”

    โจวหลันหัวเราะเยาะ หลังจากที่ได้ยิน “เธอเป็นคนตระกูลกู้แบบไหนย่ะ ตอนที่หยุนเซินอยู่ในอาการโคม่า ฉันยอมตกลงให้เธอแต่งงานเข้าตระกูลกู้แทนพี่สาวของเธอ เพียงต้องการหาคนรับใช้ฟรีๆ ให้แก่หยุนเซินสักคนก็เท่านั้น ในตอนนี้หยุนเซินก็ฟื้นแล้ว คนรับใช้อย่างเธอก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว  และสถานะลูกสาวนอกสมรสของเธอ เธอคิดเหรอว่าตัวเองมีค่าคู่ควรกับหยุนเซินของเรา?”

    ที่แท้ในสายตาของโจวหลัน เธอก็เป็นแค่เพียงคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น

    สมองของเสิ่นเยว่ซีงุนงงและหัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนโรงน้ำแข็งที่ถล่ม ชั่วขณะเธอไม่รู้ว่าจะตอบโต้ออกไปอย่างไร 

    เธอคิดแบบนี้ แล้วกู้หยุนเซินล่ะ?

    เขาปฏิบัติกับเธอเพียงแค่คนรับใช้หรือเปล่า เมื่อเขาต้องการ เขาก็ปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอเป็นดั่งอัญมณี ตอนนี้ขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว และรักแรกสุดดวงใจของเขาอย่างอู๋จิ้งหย่าก็กลับมาแล้ว เธอก็หมดประโยชน์และสมควรที่จะถูกทอดทิ้ง  

    “คุณนายน้อย สัมภาระของคุณได้เก็บเรียบร้อยแล้ว คุณขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะครับ”

    ขณะนั้นเอง การปรากฏตัวของลุงหลินก็เข้ามาขัดขวางความคิดฟุ้งซ่านของเธอเอาไว้ 

    เสิ่นเยว่ซีรีบขึ้นบันไดราวกับจะหนี ขณะที่เดินไปได้เพียงสองก้าว  เธอกัดฟันและหันหน้าไปมองโจวหลัน

    “ตราบใดที่เขาไม่ไล่ฉันออกไปเอง ให้ตายฉันก็จะไม่หย่า ต่อให้คุณข่มขู่ฉันยังไง ฉันก็จะไม่ยอมหย่า”

    หลังจากที่เธอกล่าวจบโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบโต้ เธอก็ขึ้นไปชั้นบนและวิ่งเข้าไปในห้อง

    โจวหลันลุกยืนขึ้นด้วยความโกรธและตะโกนไล่ตามหลังเธอไป “หยุนเซินแค่รักเธอเพียงวันสองวัน เธอก็คิดว่าตัวเองสำคัญแล้วอย่างนั้นเหรอ?ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ เสิ่นเยว่ซี ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้ว ฉันจะคอยดูว่าเธอจะอยู่ในตระกูลกู้ได้อีกนานแค่ไหน”

    เมื่อลุงหลินได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วแน่น 

    คุณนายเพิ่มภาระให้คุณชายจริงๆ เลยเชียว แบบนี้ก็ยิ่งทำให้คุณนายน้อยเข้าใจคุณชายผิดเข้าไปใหญ่น่ะสิ

    “คุณนายครับ ถ้าคุณชายมาได้ยินล่ะก็ เกรงว่าจะไม่พอใจเอาได้นะครับ”

    ลุงหลินกล่าวเตือน โจวหลันหันหน้ามามองอย่างไม่พอใจ “ทำไม อยากจะมาสั่งสอนฉันอีกคนหรือไง?”

    “ไม่บังอาจครับ” ลุงหลินก้มหัวลง แต่ท่าทีก็ไม่ได้ยี่หร่า “ครั้งก่อนคุณชายก็อารมณ์เสียไปแล้วครั้งหนึ่งแล้ว บางอย่างควรพูด บางอย่างไม่ควรพูด ผมคิดว่าคุณนายน่าจะทราบ”

    “ลุงหลินไม่มีทางโกหกผม!”กู้หยุนเซินกล่าวอย่างเย็นชา “ครั้งที่แล้วผมเตือนแม่ว่าอย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเสิ่นเยว่ซี แม่ไม่เข้าใจเหรอ?”

    “หยุนเซิน……ไม่ใช่อย่างนั้นนะ……เสิ่นเยว่ซีต่างหากที่ไม่ให้เกียรติแม่……”

    ริมฝีปากของโจวหลันสั่น เธอกำลังจะอธิบาย แต่ถูกกู้หยุนเซินขัดเอาไว้ 

    “ลุงหลิน อายัดบัตรธนาคารทั้งหมดของเธอและไปแจ้งแบรนด์ไฮเอนด์ทั้งหมดว่าต่อจากนี้ไปพวกเขาไม่ต้องส่งสินค้าใหม่มาที่ตระกูลกู้ทุกเดือนอีกแล้ว”

    กู้หยุนเซินออกคำสั่งอย่างไม่แยแส ลุงหลินเองก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและแจ้งไปทีละเจ้า

    โจวหลันมักจะชอบความฟุ้งเฟ้อ งานอดิเรกทั้งหมดของเธอที่เธอสนใจคือการช้อปปิ้ง ตอนนี้บัตรธนาคารของเธอถูกอายัด พวกของหรูหราเหล่านั้นก็หายไปด้วย เธอก็พลันทรุดลงจนแทบคลุ้มคลั่งทันที 

    เธอมองไปที่กู้หยุนเซินด้วยสายตาโกรธเคือง และตะโกนเสียงดังว่า “กู้หยุนเซิน แม่เป็นแม่แกนะ เพราะเธอแกถึงทำกับแม่แบบนี้ คนอกตัญญู”

    กู้หยุนเซินหันใบหน้าที่เย็นชาไปถึงกระดูก “มารดาเมตตาบุตรถึงจะกตัญญู เรื่องพวกนั้นที่แม่ทำมันสมควรได้รับความกตัญญูจากผมมั้ย?”

    โจวหลันจ้องมองที่เขาด้วยความตะลึงงัน ตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ 

    “แล้วก็…” กู้หยุนเซินไม่แม้แต่จะมองเธอ เขาหันกลับแล้วขึ้นไปชั้นบน “ในใจของผม แม่มีความสำคัญน้อยกว่าเสิ่นเยว่ซีมากโข ดังนั้นหลังจากนี้ก็อย่าได้เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเธออีกเลย แม่เทียบเธอไม่ได้หรอก”

    เมื่อโจวหลันมองแผ่นหลังที่ไม่แยแสของเขา ก็ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ มือของเธอวางอยู่บนโต๊ะ หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ 

    ลุงหลินที่เพิ่งวางสายเสร็จเหลือบสายตามองเธอ “คุณนาย ผมก็พึ่งเตือนคุณไปหยกๆ ”

    น่าเสียดายที่คุณไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ก็สมควรแล้ว

    หลังจากกล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป และเสียงของแก้วที่ตกลงสู่พื้นก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานใจประธานเย็นชา