กู้หยุนเซินกลับมาถึงที่ห้อง เสิ่นเยว่ซีก็หลับไปแล้ว
เธอกอดผ้าห่มเอาไว้และขดตัวแน่น ห่อตัวเองราวกับเป็นกุ้ง
นี่เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกไม่มั่นคงอย่างยิ่ง
กู้หยุนเซินนั่งลงตรงข้างหน้าต่าง เขามองไปที่ใบหน้าของเธอที่ยังคงเปื้อนน้ำตา ถอนหายใจและใช้นิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
เขาเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ น่าเศร้าที่มีใครหลายคนแอบจดจ้องมองเขาอยู่
หากเขาปฏิบัติดีต่อเธอก็รังแต่จะทำให้เธอตกเป็นเป้าคำวิจารณ์ของสาธารณชน โชคดีที่การลักพาตัวครั้งนี้ เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่เช่นนั้นเขาเองก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
กู้หยุนเซินอยากจะบอกแผนของเขากับเธอให้รู้ แต่เสิ่นเยว่ซีจิตใจไม่ซับซ้อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกชอบเขาเอาไว้ได้เลย และมันก็ง่ายมากที่จะถูกเปิดเผย
เขาก้มลงไปจูบเธอเบา ๆ ที่หน้าผาก เขามองเธออยู่นานก่อนที่จะหยิบเอกสารและออกจากบ้านใหญ่ตระกูลกู้
เสิ่นเยว่ซีไม่รู้เรื่องนี้เลย เมื่อเธอตื่นขึ้นท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ลุงหลินบอกเธอว่ากู้หยุนเซินทำงานล่วงเวลาและไม่ได้กลับบ้าน
เสิ่นเยว่ซีไม่เชื่อคำแก้ต่างเหล่านี้เลยแม้แต่คำเดียว สมองของเธอกำลังคิดไปต่างๆ นานา เธอคิดไปถึงว่ากู้หยุนเซินอยู่ที่บ้านของอู๋จิ้งหย่าหรือเปล่า เขาอยู่ด้วยกันกับเธอหรือเปล่า
ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น และความอิจฉาก็ปกคลุมเธอเอาไว้อย่างหนาแน่น ทำให้เธอต้องทนทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป กู้หยุนเซินก็ยังไม่กลับบ้านใหญ่ตระกูลกู้ โจวหลันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธออยู่ที่บ้านทั้งอาทิตย์ ทุกครั้งที่เจอเธอก็เอาแต่ไม่พอใจและโกรธเคือง สีหน้าเต็มไปด้วยความประชดประชัน แต่กลับไม่ได้เอ่ยแดกดันอะไรเธอ
ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกไปหมด
อยู่มาวันหนึ่ง เสิ่นเยว่ซีเพิ่งจะทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาคือเสิ่นมู่เจียง ซึ่งแปลกประหลาดมาก
เขาจะโทรหาตนเองทำไมกัน
เสิ่นเยว่ซีขมวดคิ้วและกดรับสาย
น้ำเสียงเป็นกังวลของเสิ่นมู่เจียงดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของสาย “ซีซี ครั้งนี้มีเพียงลูกเท่านั้นที่สามารถช่วยเสิ่นซื่อ กรุ๊ปได้ ในวันพรุ่งนี้กู้ซื่อ กรุ๊ปจะมีการประมูลเสนอราคา และการแข่งขันกับเสิ่นซื่อ กรุ๊ปก็สูงมาก ลูกก็รู้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของเสิ่นซื่อ กรุ๊ปไม่ค่อยดีนัก การประมูลเสนอราคาครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเสิ่นซื่อ กรุ๊ปที่จะได้มีการเติบโต”
เขาไม่รอให้เสิ่นเยว่ซีตอบ กล่าวต่อโดยไม่สนใจ “หยุนเซินดีกับลูกขนาดนั้น ลูกช่วยพ่อหน่อยเถอะ คุยกับหยุนเซินให้ที ให้โอกาสเสิ่นซื่อ กรุ๊ปอีกสักครั้งหนึ่งเถอะ”
เสิ่นเยว่ซีก้มหน้าลง นิ้วของเธอที่กำโทรศัพท์เป็นสีซีดขาวจางๆ “พ่อคะ ฉันช่วยอะไรพ่อไม่ได้หรอกค่ะ”
“นี่แกพูดอะไรน่ะ!”เสิ่นมู่เจียงอารมณ์เสียขึ้นมาในทันที และเสียงของเขาก็ดังโพล่งขึ้น “นี่มันเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับแก ฉันรู้ว่าแกโกรธแค้นฉัน จงใจที่จะทำให้ฉันโกรธ”
เสิ่นเยว่ซีเงียบอยู่นานก่อนที่เธอจะเอ่ยเสียงสั่น “ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาจะเกือบสองสัปดาห์แล้ว ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้กลับตระกูลกู้ ”
“ถ้าเขาไม่กลับ แล้วแกไปหาเขาไม่ได้หรือไง?ทำไมฉันถึงมีลูกที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ได้”
เสิ่นมู่เจียงเดือดดาล เขากล่าวโทษประโยคแล้วประโยคเล่า
ความรู้สึกที่สะสมมาอย่างยาวนานของเสิ่นเยว่ซีปะทุขึ้นมาในทันที “พ่อคิดว่ากู้หยุนเซินเป็นใครกัน คำพูดของฉันแค่ประโยคเดียวจากส่งผลต่อการตัดสินใจของเขาได้อย่างไร พ่ออย่าคิดว่าฉันเก่งกาจขนาดนั้นเลย พ่อ เขาไม่ได้รักฉัน ยังไงเขาก็ไม่ฟังคำพูดของฉันหรอก ตอนนี้คนรักของเขากลับมาแล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรสำหรับเขาทั้งนั้น”
อีกฝ่ายชะงักไปครู่หนึ่ง “อะไรกัน คนที่เขารักไม่ใช่แกงั้นเหรอ?”
ความรู้สึกเศร้าผุดขึ้นในใจของเสิ่นเยว่ซี ในตอนนี้คนนอกต่างก็รู้เรื่องเหล่านั้นหมดแล้ว ในฐานะที่เสิ่นมู่เจียงเป็นบิดาของเธอแต่เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาไม่เคยสนใจว่าเธอจะเป็นอย่างไร จะมาหาเธอเมื่อเขาประสบปัญหาเท่านั้น
“พ่อ ฉันบอกแล้ว เธอช่วยอะไรพ่อไม่ได้หรอก” เสียงเสิ่นจื่อเสวียนดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง เธอพูดถึงเรื่องการลักพาตัวด้วยคำพูดไม่กี่คำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานใจประธานเย็นชา