ฮ่องเต้ทรงพยักหน้าตรัสว่า “อนุญาต”
เห็นเพียงซ่งหวานหว่านกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูเต๋อกงกง จากนั้นเต๋อกงกงก็รีบเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว หยิบแจกันดอกไม้ที่ทำมาจากเครื่องเคลือบลายครามใบหนึ่งออกมา ปากของแจกันใหญ่พอที่จะเอามือข้างหนึ่งสอดเข้าไปได้พอดี
ซ่งหวานหว่านยืนอยู่ตรงหน้าบรรดาข้าหลวงของตำหนักฉางเล่อ นางชี้ไปที่แจกันแล้วเอ่ยปากกล่าวว่า
“พวกเจ้าฟังให้ดี ข้างในนี้ข้าใส่ตัวยาสมุนไพรที่สามารถจับเท็จได้ลงไป พวกเจ้าต้องเอามือล้วงเข้าไปแตะที่ก้นแจกันไว้สักครู่ คนที่พูดเท็จ นิ้วมือจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ตอนนี้ ให้พวกเจ้าเรียงแถวกันมาจับเท็จตามลำดับ”
ซ่งหวานหว่านเลื่อนเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลง นางถือแจกันเอาไว้เอง ทั้งยังเรียกองครักษ์สี่คนมายืนข้างหน้านาง เพื่อใช้บังสายตาข้าหลวงของตำหนักฉางเล่อที่ยืนกันอยู่
“คนแรก”
ขันทีน้อยที่อยู่ด้านซ้ายสุดของแถวแรกเดินขึ้นหน้ามา แล้วยื่นมือเข้าไปในแจกันตามเงื่อนไข
“แตะเสร็จก็เอามือออกมาให้ข้าดูหน่อย”
ขันทีน้อยทำตาม
หลังซ่งหวานหว่านตรวจดูนิ้วมือของเขาอยู่ชั่วครู่ นางก็ชี้มือไปยังจุดที่อยู่ห่างไกลออกไป “เจ้าไปยืนตรงนั้น”
ขันทีน้อยถูกคนพาออกไปอย่างไม่ทราบเหตุผล
“คนต่อไป”
...
ข้าหลวงหลายสิบคนถูกทดสอบติดๆ กัน ทั้งหมดล้วนยืนอยู่ตรงจุดที่ซ่งหวานหว่านเคยชี้
ทุกคนราวกับตกอยู่ในเมฆหมอก ต่างไม่ทราบเหตุผลว่าทำไปทำไม
เวลานี้ นางกำนัลน้อยอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายก็เดินขึ้นหน้ามา ก้นบึ้งนัยน์ตามีแววกระวนกระวายใจวาบผ่าน จึงถูกซ่งหวานหว่านจับได้
นางจ้องไปที่นางกำนัลน้อยแล้วกล่าวว่า “ต้นยี่โถในลานตำหนักของพระสนม ใช่เจ้าเป็นคนปลูกหรือไม่”
“ไม่ใช่เพคะ บ่าวไม่ได้ปลูก!” นางกำนัลน้อยกล่าวปฏิเสธ
ซ่งหวานหว่านไม่พูดอะไรอีก ให้นางล้วงมือเข้าไปในแจกันเพื่อจับเท็จ
นางกำนัลน้อยล้วงเข้าไปอย่างระมัดระวังจากนั้นก็เอามือออกมา ขณะที่เห็นว่าปลายนิ้วไม่มีอะไรผิดปกติ ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความดีใจ
ใครจะรู้ว่าซ่งหวานหว่านกลับคว้ามือข้างหนึ่งของนางไว้ “เจ้า ก็คือคนร้าย”
“ไม่... ไม่ใช่... มือของข้าไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีดำ นี่พิสูจน์ว่าข้าไม่ได้โกหก...”
นางกำนัลน้อยทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว แผดเสียงร้องว่า “พระนางหวางเฟย ท่านจะให้บ่าวรับโทษเพื่อไม่ให้ท่านเสียหน้าไม่ได้หรอกนะเพคะ! แม้บ่าวจะต่ำต้อย ก็เป็นชีวิตคนคนหนึ่ง ขอร้องหวางเฟยโปรดไว้ชีวิตด้วย”
การร่ำไห้ของนางในครั้งนี้ ทำให้ข้าหลวงไม่น้อยสะเทือนใจ
แม้แต่ในพระเนตรของฮ่องเต้ก็เจือแววสงสัยอยู่หลายส่วน
ทว่าเจียงอู๋วั่งกลับมองซ่งหวานหว่านอย่างสงบเยือกเย็น ราวกับมั่นใจว่านางจะต้องทำให้คนประหลาดใจแน่
ซ่งหวานหว่านกลับยิ้ม
“เจ้าคิดว่าข้าจะหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นคนร้ายออกมาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเลื่อมใสเอง”
กล่าวจบ นางก็คว้ามือของนางกำนัลน้อยขึ้นมา ชูให้ทุกคนดู
“บนมือของนาง ไม่มีอะไรเลยใช่หรือไม่”
ทุกคนไม่เข้าใจเหตุผล จึงพยักหน้า
“เช่นนั้นพวกเจ้าลองดูว่าทุกคนที่เคยถูกทดสอบก่อนหน้า บนมือของพวกเขามีลักษณะอย่างไร”
บรรดาข้าหลวงที่อยู่ตรงจุดเดิมได้ยินเสียง ต่างก็พากันเดินเข้ามา
พวกเขาชูมือขึ้น บนปลายนิ้วของแต่ละคน ต่างมีผงสีขาวติดอยู่ทั้งสิ้น
“นี่……”
ทุกคนพลันตกตะลึง แม้แต่นางกำนัลน้อยก็เริ่มเปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนแล้ว
“ที่ก้นแจกันของแจกันใบนี้ เดิมทีก็ไม่มีผงยาจับเท็จอะไรนั่นอยู่แล้ว เมื่อครู่ที่เต๋อกงกงใส่เข้าไปคือผงแป้งสีขาว” ซ่งหวานหว่านส่งเสียงอธิบาย ความมั่นใจที่แสดงออกมาพาให้คนอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสศรัทธา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...