หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 14

“คนบนภูย่อมมีแผนการของตน นี่คือความลับ ข้าไม่อาจบอกท่านได้”

ซ่งหวานหว่านยิ้มตาหยีกล่าว “ท่านวางใจเถิด ของที่ข้าซ่อนไว้ บนโลกนี้ย่อมไม่มีคนที่สองหาเจอ เห็ดหิมะอยู่ในมือแล้ว การขจัดพิษของท่านอ๋องใกล้เข้ามาอีกขั้นหนึ่งแล้ว”

“ดีมาก” เจียงอู๋วั่งเปล่งวาจา ทั้งยังกล่าวอีกว่า “พรุ่งนี้เข้าวัง เจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น ในวังมีอันตรายอยู่ทั่วทุกแห่งหน ไม่มีอะไรเรียบง่ายอย่างที่เจ้าเห็นดั่งฉากหน้าแน่นอน”

หลังกำชับกำชาเสร็จ เจียงอู๋วั่งก็อดรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่

ไฉนเขาถึงเริ่มเป็นห่วงนางขึ้นมาได้นะ ช่างแปลกประหลาดจริงๆ

ซ่งหวานหว่านก็ดูจะประหลาดใจเช่นกัน หลังมองเขาคราหนึ่ง ก็กล่าวคำขอบคุณออกมา “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”

ยามคนทั้งสองกลับถึงจวนอ๋อง ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

เพราะเซี่ยซื่อมาเยือน เจียงอู๋วั่งกับซ่งหวานหว่านจึงนั่งรับประทานอาหารเย็นพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ครั้นเห็นท่วงท่าการกินอันสง่างามและสูงศักดิ์นั้นของเจียงอู๋วั่ง ซ่งหวานหว่านก็รู้สึกทึ่งอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าคนบางคนแม้เพียงแค่นั่งกินข้าว ก็สามารถงดงามราวกับภาพวาดทิวทัศน์ได้

เพียงไม่นาน หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ซ่งหวานหว่านก็ส่งเซี่ยซื่อกลับไปยังเรือนฝูหรง จากนั้นก็กลับไปที่เรือนฮ่วนซีเพียงลำพัง

หลังอาบน้ำเสร็จ นางก็มานั่งบนเตียง เริ่มบำเพ็ญฌาน

วันนี้สิ้นเปลืองพลังไปค่อนข้างมาก แต่โชคดีที่สมัยโบราณพลังปราณศักดิ์สิทธ์มีอยู่มากมายเต็มไปหมด ดังนั้นหลังจากนั่งบำเพ็ญฌานไปประมาณสองชั่วยาม กำลังภายในที่นางสูญเสียไป ก็ฟื้นฟูกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ถึงขั้นที่ว่าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยด้วยซ้ำ

นางตะโกนเรียกของวิเศษของแหวนอวกาศอย่างมีความสุข เพื่อแบ่งปันความสุขของตน

“ถังถังลูกรัก พลังฝึกฝนของข้าตอนนี้รุดหน้าขึ้นอีกแล้วล่ะ”

“หนูขอดูหน่อย……เฮ้ยเพิ่งจะรุดหน้าไปหน่อยเดียวท่านก็ดีใจขนาดนี้แล้วเหรอ กล้าเลื่อนระดับให้สูงขึ้นกว่านี้อีกขั้นเพื่อเพิ่มเลเวลช่องมิติอีกครั้งไหม ถึงตอนนั้นด้านในก็จะใส่สิ่งมีชีวิตได้แล้ว หนูอยากได้สัตว์เลี้ยง หนูจะได้มีเพื่อนเล่น”

“เลื่อนระดับให้สูงขึ้นกว่านี้อีกขั้น? เจ้าก็พูดได้สิ นี่มันยากมากนะเจ้าไม่ใช่ไม่รู้”

ซ่งหวานหว่านกลอกตาบนอย่างเงียบๆ “ข้าอยากจะเลื่อนระดับให้ได้มากกว่าเจ้าอีก ถึงตอนนั้นเจ้าต้องช่วยข้าสร้างคฤหาสน์สักหลังไว้ข้างในด้วยนะ ให้ข้าเข้าไปเสพสุขได้ตลอดเวลา”

“เฮอะ คิดได้สวยหรูจริงนะ หนูไม่เป็นกรรมกรให้หรอก”

“ช่างเป็นเด็กขี้เกียจเสียจริง” ซ่งหวานหว่านยิ้มกล่าว “ตอนนี้ในช่องอวกาศปลูกสมุนไพรได้หรือยัง”

“ยังไม่ได้อ่ะ ต้องรอท่านเลื่อนระดับไปอีกขั้นหนึ่ง ก่อนให้ในช่องอวกาศมีอากาศอยู่ถึงจะทำได้”

“เฮ้อ เอาเถอะ การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ สหายยังต้องพยายามต่อ เจ้าช่วยหยิบยาบำรุงกำลังมาให้ข้าหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะนำไปมอบให้มารดาข้าทาน”

“ได้”

เพียงไม่นาน ยาบำรุงมากมายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าซ่งหวานหว่าน รวมถึงเออเจียว รังนกและอื่นๆ

นางฉีกซองออก ใส่ยาบำรุงลงไปในกล่องลวดลายประณีตใบหนึ่ง หลังจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อย ถึงเริ่มเข้านอน

คืนหนึ่งผ่านไปโดยไร้ฝัน

ยามตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตะวันก็โด่งฟ้าแล้ว

หลังนางชำระกายอย่างรวดเร็วคราหนึ่ง ก็หยิบเอายาบำรุงขึ้นมา แล้วเดินไปยังเรือนฝูหรงที่อยู่ไม่ไกลนั้น

เวลานี้เซี่ยซื่อกำลังทานอาหารโดยมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างพอดี พอเห็นนางมา ก็รีบให้สาวใช้เซียงเอ๋อร์เพิ่มชามกับตะเกียบมาอีกชุด

สองแม่ลูกนั่งอยู่ด้วยกัน กินไปพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปพลาง

“ท่านแม่ ข้านำยาบำรุงมาที่นี่ด้วย เอาไว้ให้ท่านบำรุงร่างกายเจ้าค่ะ”

เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นด้วยความปลื้มใจ “เด็กดี ลำบากเจ้าแล้ว แม่จะต้องบำรุงร่างกายตนเองให้ดี ภายหน้าจะได้เลี้ยงดูบุตรของเจ้ากับท่านอ๋องได้”

“พรู่ด—แค่กๆๆ!” ซงหวานหว่านพ่นน้ำชาออกมาทันที ก่อนจะไอออกมาอย่างกระอักกระอ่วน

ซ่งหวานหว่านพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรมากอีก

หลังเข้าวัง นางได้ทำการฝังเข็มร่วมกับวิธีซานฝูเทียให้กับฮ่องเต้ จากนั้นก็มอบตำราแพทย์ พร้อมกำชับข้อห้ามบางประการกับเขา

จากนั้น นางก็ไปยังตำหนักฉางเล่อของหรงเฟย

“หม่อมฉันถวายพระพรพระสนมหรงเฟยเพคะ” ซ่งหวานหว่านย่อกายเล็กน้อย

หรงเฟยที่กำลังพักผ่อนอยู่บนตั่ง พอเห็นนาง ก็เอ่ยขึ้นอย่างดีใจทันที “จ้านหวางเฟย? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง!”

หลังซ่งหวานหว่านนั่งลง พระสนมหรงเฟยก็กล่าวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งว่า “ข้าขอบคุณเจ้ามากจริงๆ หากไม่ได้เจ้า ลูกของข้าก็คงรักษาไว้ไม่ได้”

“พระสนมทรงกล่าวหนักไปแล้ว ที่หม่อมฉันมาในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการมาตรวจดูอาการของพระสนม หม่อมฉันขอจับชีพจรของพระสนมได้หรือไม่เพคะ?”

“ได้แน่นอน”

หลังซ่งหวานหว่านจับชีพจรให้หรงเฟย ก็พยักหน้ากล่าวว่า “อาการคงที่มากแล้ว แต่ยังคงต้องระมัดระวังให้มากจึงจะดี ใบสั่งยาที่ข้าเขียนพระสนมต้องเสวยให้ตรงเวลา ผ่านไปอีกสองสามวัน ย่อมจะหายเป็นปกติ”

“ขอบคุณจ้านหวางเฟยมาก”

หลังซ่งหวานหว่านอธิบายข้อควรระวังบางประการให้กับหรงเฟยเสร็จ ถึงค่อยออกจากตำหนักฉางเล่อ

เมื่อกลับถึงจวนจ้านอ๋อง ซ่งเว่ยหลิงก็มารออยู่นานแล้ว

“หว่านเอ๋อร์ ได้ยินว่าเจ้าเข้าวังหรือ เป็นเรื่องอันใดกัน” ซ่งเว่ยหลิงถาม

“แค่เรื่องเล็กน้อย” ซ่งหวานหว่านคร้านจะสนทนากับเขาให้มากความ ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางเย็นชา “ในเมื่อท่านพ่อมาหาข้า ท่านคงจะเตรียมหนังสือหย่ากับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของจวนเยียนซานโหวมาเรียบร้อยแล้ว”

“นี่...” ซ่งเว่ยหลิงพลันสะอึก ก่อนจะทำท่าทางลำบากใจออกมา กล่าวว่า “หว่านเอ๋อร์ หนังสือหย่าพ่อเตรียมมาแล้ว เพียงแต่ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งนี่ พ่อให้ไม่ได้จริงๆ!”

“เจ้าก็รู้ว่าจวนเยียนซานโหวของเราเลี้ยงดูคนตั้งเท่าไหร่ ทุกวันต้องจ่ายออกไปมากมาย หากมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้แล้ว เกรงว่าจวนของเราคงประคับประคองต่อไปไม่ไหว… ดังนั้นเจ้าว่าต่อราคาลงอีกสักหน่อย ลดลงมาอีกสักนิดได้หรือไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต