หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 15

“นี่ท่านพ่อกำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือ” ซ่งหวานหว่านเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ไม่น้อยไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็เลิกคุย”

“เจ้า...!” ซ่งเว่ยหลิงข่มโทสะ กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและท่าทีเป็นมิตร “หว่านเอ๋อร์ เจ้าก็ช่วยเห็นใจข้าหน่อยเถิด ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นบิดาเจ้า”

“อ้อ? ที่แท้ท่านโหวยังรู้ตัวว่าเป็นบิดาข้าด้วย หลายปีมานี้ ข้านึกว่าตัวเองถูกเก็บมาเลี้ยงเสียอีก เทียบไม่ได้แม้กระทั่งบ่าวด้วยซ้ำ”

“ซ่งหวานหว่าน!” ซ่งเว่ยหลิงกล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าต้องการตัดไมตรีให้ได้เลยใช่ไหม”

“ท่านพ่อไร้เมตตาก่อน ย่อมไม่อาจโทษที่ลูกไร้คุณธรรม” ซ่งหวานหว่านกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะพูดย้ำเป็นครั้งสุดท้าย หนังสือหย่าและทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของจวนโหว ขาดไปแม้แต่อีแปะเดียวก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเจอดีกัน!”

กล่าวจบ นางก็พาสาวใช้ส่วนตัวทั้งสองหมุนกายเดินกลับไปยังเรือนฮ่วนซีของตน

“นังลูกชั่ว! แล้วเจ้าจะเสียใจ!” ซ่งเว่ยหลิงร้องคำรามอย่างโกรธจัดตามหลัง

ซ่งหวานหว่านยักไหล่ โนสนโนแคร์โดยสิ้นเชิง

ครั้นถึงเรือนฮ่วนซี ซ่งหวานหว่านก็เอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวชิง เฉาเย่า เก็บข้าวของเปลี่ยนชุดสักหน่อย ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดินตลาด”

พอสาวใช้ทั้งสองได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายทันที

เดินตลาด? ไปๆๆ!

เพียงไม่นาน นายบ่าวสามคนก็เก็บสัมภาระเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกจากประตูไป

ออกมาเดินตลาดครั้งแรก ซ่งหวานหว่านราวกับท่านยายหลิวเยี่ยมชมอุทยาน*ก็มิปาน อะไรก็ดูตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด(ท่านยายหลิวเยี่ยมชมอุทยานมาจากนวนิยายจีนเรื่องความฝันในหอแดง เปรียบเปรยถึงคนที่ไม่เคยผ่านโลกมาก่อนเห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจแปลกใหม่ไปหมด)

เดินตลาดในยุคโบราณแตกต่างกับยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ตลาดในเมืองหลวงครึกครื้นอย่างยิ่ง ร้านค้าแผงลอยตั้งกันยาวเหยียด ขนมของกินเล่นละลานตาเต็มไปหมด จนคนมองถึงกับน้ำลายสอ

คนทั้งสามเดินกินของว่างตลอดทางตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนน ทั้งปากทั้งท้องเต็มไปด้วยของกิน ทั้งยังไม่ลืมห่อกลับไปอีกหอบใหญ่

ซ่งหวานหว่านยังคงสนุกกับการซื้อของราวกับพายุต่อไป จนสาวใช้ทั้งสองต้องห้ามไว้

“นายหญิง! พอแล้วเจ้าค่ะ เยอะขนาดนั้นพวกเรากินไม่หมดหรอก ถือไม่ไหวแล้วด้วยเจ้าค่ะ”

“ก็ได้ๆ ฟังพวกเจ้า หากกินของพวกนี้ไม่หมด ก็แบ่งให้คนอื่นๆ ในจวนอ๋องกินก็ได้ จวนจ้านอ๋องใหญ่โตมโหฬาร ยังจะกลัวว่ากินของเหล่านี้ไม่หมดอีกหรือ”

คนทั้งสามเดินไปพลางก็ดูนั่นดูนี่ไปพลาง จนมาหยุดอยู่หน้าร้านขายชาดร้านหนึ่ง

เสี่ยวชิงมองดูแวบหนึ่ง ในดวงตาเจือแววโหยหาอยู่หลายส่วน

ซ่งหวานหว่านจับสีหน้าของนางได้ ก่อนจะโบกมือคราหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไป เข้าไปเลือกกัน พวกเจ้าชอบอันไหนก็หยิบมาได้เลย วันนี้เจ้าจะจ่ายให้เอง”

เสี่ยวชิงและเฉาเย่ากล่าวขึ้นด้วยความดีใจ "ขอบคุณนายหญิงที่ตกรางวัลให้เจ้าค่ะ!”

ขณะนายบ่าวสามคนกำลังมีความสุขอย่างยิ่งยวดกันอยู่นั้น ก็มีน้ำเสียงเจือแววริษยาสายหนึ่งดังขึ้นมา

"อ้าว นี่ไม่ใช่พี่หญิงใหญ่บ้านข้าหรอกหรือ ร่ำรวยปานนี้เชียว? ทั้งยังซื้อชาดให้สาวใช้อีกด้วย” 

ซ่งหวานหว่านหันหน้ากลับไป เพื่อเผชิญกับแววตาริษยาชิงชังคู่นั้นของซ่งเสียงอี๋

นางเผยอเปลือกตาขึ้นแล้วเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไรเล่าจื๊อถึงเขียนเต้าเต๋อจิง”

บังเอิญจริงๆ ที่ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เป่ยหมิงนี้ ก็เผอิญมีเล่าจื๊อที่เคยเขียนเต้าเต๋อจิงอยู่ท่านหนึ่งเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ซ่งเซียงอี๋จึงชะงักไปชั่วขณะ แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เพราะอะไร?”

“เพราะเล่าจื๊อ*พอใจ” (เล่าจื๊อ 老子 หรือเหล่าจื่อ ที่นางเอกกล่าวถึงเป็นคำเดียวกันแต่แปลได้สองความหมายเป็นได้ทั้งชื่อคนและแปลว่า บิดา ข้า ฉัน กู)

กล่าวจบ ซ่งหวานหว่านก็พาสาวใช้ทั้งสองเข้าไปในร้านขายชาด

ซ่งเซียงอี๋ที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่เดิม นิ่งไปพักหนึ่งถึงค่อยรู้สึกตัว

นังสารเลวซ่งหวานหว่านกำลังแกล้งนาง!

ซ่งเซียงอี๋มองไปทางบุรุษร่างสูงที่อยู่ข้างกาย ดวงตาพลันแดงเรื่อ “องค์รัชทายาท…”

น้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มของนาง ทำให้รัชทายาทใจอ่อนยวบ

รัชทายาทจูงซ่งเซียงอี๋เข้าร้านขายชาด ก่อนจะตวาดซ่งหวานหว่านว่า “นังหญิงสารเลวนี่ ทำไมต้องรังแกเซียงเอ๋อร์ด้วย!”

ซ่งหวานหว่านได้ยินก็พลันโกรธจัด หันหน้ากลับไปกล่าวสวนว่า “เอะอะก็ด่าว่าสารเลวๆ รัชทายาทก่อนออกจากบ้านใช่กินขี้มาหรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต