วันต่อมา ซ่งหวานหว่านตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่
นางหาชุดออกกำลังกายที่สวมใส่สบายๆ ตัวหนึ่งออกมาจากช่องอวกาศ จากนั้นก็เริ่มออกวิ่งไปรอบๆ ลานเรือน ไม่คาดคิดว่าเพิ่งจะวิ่งเพียงสองรอบ นางก็เหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ แล้ว
สภาพร่างกายของร่างนี้อ่อนแอกว่าที่นางคาดไว้มาก เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าของร่างเดิมไม่เคยออกกำลังกายเลย
ซ่งหวานหว่านบ่นไปพลาง ก็ยืนกรานที่จะวิ่งเหยาะๆ ต่อไปพลาง รอจนออกกำลังต่อไปไม่ไหว นางถึงค่อยพักหายใจ
จากนั้นนางก็มายืนอยู่กลางลานเรือน เริ่มรำไท้เก๊ก
หลังรำจบไปหนึ่งรอบ แม้เจ้าตัวจะเหนื่อยมาก แต่กลับดูเหมือนได้ปล่อยปราณขุ่นที่อยู่ในร่างกายออกไป รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
นางกลับไปที่ห้องอีกครั้งเพื่อชำระล้างร่างกาย ทว่าองครักษ์ลับที่จับตาดูนางอยู่ด้านนอก เห็นการกระทำอันแปลกประหลาดหลายอย่างตั้งแต่เช้าตรู่ของนาง ก็รู้สึกเพียงว่าลึกลับซับซ้อน
นี่มันคืออะไร? วรยุทธก็ไม่ใช่ ร่ายรำก็ไม่เชิง ช่างแปลกพิกลนัก
หลังซ่งหวานหว่านอาบน้ำทานอาหารเช้าเสร็จ ในลานเรือนก็มีคนมาเยี่ยมคารวะนางแล้ว
ผู้มาเยือนสวมกระโปรงยาวสีเหลืองนวล รูปร่างผอมเพรียวดูเปราะบาง เอวบางสมส่วน
ใบหน้าของนางขาวเกลี้ยงเกลาเนียนละเอียด องคาพยพทั้งห้างดงามประณีตแฝงความอ่อนแออยู่หลายส่วน ดวงตากลมโตคู่สวยของนาง ก็มีเสน่ห์กินใจ พานให้คนจิตใจสั่นไหว
"ชิงไต้ถวายบังคมพี่สาวหวางเฟย ขอให้พี่สาวหวางเฟยเกษมสำราญเพคะ" นางย่อกายกล่าวทำความเคารพเต็มพิธีการ
"เจ้าคือ?"
“พี่สาว หม่อมฉันมีนามว่าหลินชิงไต้เพคะ บิดาคือรองเสนาบดีแห่งหอไท่ฉัง นามว่าหลินจื้อชง”
"อย่างนี้เอง เช่นนั้นข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวไต้แล้วกัน นั่งลงก่อนสิ" ซ่งหวานหว่านกล่าว "เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ"
“ไม่มีเรื่องอะไรเจ้าค่ะ แค่มาคารวะเช้าพี่สาวหวางเฟยเท่านั้น”
หลินชิงไต้ยิ้มเอียงอายกล่าวว่า "พวกพี่น้องคนอื่นๆ ล้วนไปที่เรือนซูเช่อเฟยกันหมด หม่อมฉันคิดว่าพี่สาวอยู่ทางนี้คงจะเหงาไม่มีใครให้พูดคุยด้วย ดังนั้นข้าจึงมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวเจ้าค่ะ"
“ซูเช่อเฟย? จิ๊ ก่อนหน้านี้พวกเจ้าต้องไปคารวะเช้ากับนางทุกวันเลยหรือ”
“เจ้าค่ะ พี่สาวก่อนที่ท่านจะมา เรือนหลังจวนอ๋องอยู่ในความดูแลของซูเช่อเฟย นางขอให้พวกเราเหล่าพี่น้องไปคารวะเช้าทุกวันตั้งแต่เช้าตรู่ หากเชื่อฟังนาง นางก็จะเพิ่มเบี้ยรายเดือนให้มากหน่อย”
“เอ๋? เช่นนั้นเจ้ามาหาข้าที่นี่ ไม่กลัวจะล่วงเกินนาง จนถูกนางหักเบี้ยรายเดือนเอาหรือ”
“ไม่เป็นไร อย่างไรเบี้ยรายเดือนที่หม่อมฉันได้รับทุกเดือนก็ได้ไม่เท่าไหร่อยู่แล้ว หากพี่สาวเช่อเฟยอยากจะหัก เช่นนั้นก็หักไปเถิด” หลินชิงไต้เม้มปากกล่าวยิ้มๆ
ซ่งหวานหว่านลูบคาง มีประกายวาบผ่านในดวงตาแวบหนึ่ง ก่อนจะเหยียดริมฝีปากกล่าวว่า "น้องเสี่ยวไต้ ไม่สู้เราไปที่เรือนซูเช่อเฟยนั่งดื่มชาสักถ้วยดีหรือไม่"
“อะไรนะเจ้าคะ?” หลินชิงไต้ถามด้วยความแปลกใจ “หวางฟยจะเสด็จไปเรือนเช่อเฟยหรือ”
"ถูกต้อง ไปกันตอนนี้แหละ เจ้านำทางข้าที" พูดจบ ซ่งหวานหว่านก็ดึงหลินชิงไต้ขึ้นมา ก่อนจะตรงไปที่เรือนของซูมู่เสวี่ย
ในขณะเดียวกันที่เรือนเตี่ยนเจี้ยง
ซูมู่เสวี่ยกำลังนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน รับคำเยินยอของเหล่าอนุที่อยู่ด้านล่าง นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ยิ้มราวกับนกยูงเย่อหยิ่ง
หลังจากที่บ่าวรับใช้มารายงานว่าซ่งหวานหว่านกับหลินชิงไต้มา ดวงตาของซูมู่เสวี่ยก็ฉายแววประหลาดใจออกมาสายหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มกล่าวว่า "หือ พี่สาวหวางเฟยมาได้อย่างไร นั่งเร็วๆ ใครก็ได้ ยกชามาให้หวางเฟยที”
ซ่งหวานหว่านกวาดตามองไปรอบๆ เห็นเพียงสตรีแต่งกายงดงามหยาดเยิ้มยี่สิบกว่าคนนั่งอยู่ในเรือนเต็มไปหมด ไม่มีแม้แต่ที่ว่าง
ซูมู่เสวี่ยบอกให้นางนั่ง กลับไม่ให้คนยกเก้าอี้มาให้ นี่เท่ากับกำลังจงใจแกล้งนางกับหลินชิงไต้ชัดๆ
"จุ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าความหรูหราฟุ่มเฟือยของน้องจะใหญ่โตปานนี้? หวางเฟยอย่างข้ามาที่นี่ด้วยตนเอง ยังต้องยืนสนทนากับเจ้า ไม่รู้ว่าน้องใช่ยังคิดจะให้หวางเฟยอย่างข้ามาคารวะเช้าเจ้าด้วยหรือไม่”
น้ำเสียงของซ่งหวานหว่านราบเรียบ กระทั่งมุมปากยังมีรอยยิ้มแต้มอยู่เล็กน้อย แต่ทั่วร่างของนางกลับมีกลิ่นอายความน่าเกรงขามทว่าไม่เดือดดาลแฝงอยู่หลายส่วน พานทำให้น้ำเสียงที่บางเบานั้น แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบน่ากลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...