หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 8

ซุนซื่อถูกฝ่ามือข้างนี้ของนางตบจนมึนงงไปหมด ในดวงตาที่มองมายังซ่งหวานหว่าน เจือแววไม่อยากเชื่ออยู่เต็มเปี่ยม

จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากดวงตาดำมืดคู่นั้นทำให้ขนอ่อนของนางลุกชัน แข้งขาอ่อนแรง จนนั่งล้มแปะลงไปกับพื้น

นางไม่เคยเห็นซ่งหวานหว่านเป็นแบบนี้มาก่อน เย็นชาน่ากลัวราวกับปีศาจ แตกต่างจากขยะปวกเปียกในกาลก่อนที่ถูกทุบตีก็ไม่กล้าหือ ถูกด่าก็ไม่กล้าต่อปากคนนั้นโดยสิ้นเชิง

ซ่งเซียงอี๋ก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังรู้ตัว ก็รีบไปประคองซุนซื่อทันที

ในที่ซุนซื่อก็ได้สติกลับคืนมา ครั้นเห็นเสียงของซ่งเว่ยหลิงที่จวนจะกลับมาแล้วอยู่ไม่ไกล นางก็เริ่มตะเบ็งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาทันที

“สวรรค์เบื้องบน ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่! คุณหนูใหญ่บ้านเราถึงกับลงมือตบตีผู้ใหญ่ต่อหน้าธารกำนัล ทั้งยังลั่นวาจาว่าจะบีบคอข้าให้ตายอีก ฮือๆๆ ข้าไม่อยากมีชิวิตอยู่มันแล้ว!”

“นังลูกชั่ว!” ซ่งเว่ยหลิงที่ได้ยินคำพูดนี้ถลึงตาใส่ซ่งหวานหว่านอย่างโกรธจัด กล่าวอย่างระงับโทสะไม่อยู่ว่า “เจ้าถึงกับกล้าสบประมาทมารดาเจ้าเช่นนี้เชียวหรือ ยังไม่รีบขอโทษนางอีก!”

“มารดา? ท่านพูดถึงซุนซื่อหรือ ท่านพ่อ ท่านลืมไปแล้วใช่หรือไม่ มารดาข้าเซี่ยซื่อต่างหากถึงจะเป็นนายหญิงตัวจริงของจวนเยียนซานโหว! ซุนซื่อเป็นแค่อนุชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น ก็กล้าบอกว่าเป็นมารดาข้าแล้วหรือ”

น้ำเสียงซ่งหวานหว่านเย็นเยียบ นัยน์ตาเจือแววหนาวเหน็บ

“เจ้า...นังสารเลว! พอกลับมาก็สร้างปัญหา ทั้งยังกล้าเนรคุณข้า ช่างขาดการอบรมสั่งสอนโดยแท้!” ซ่งเว่ยหลิงพูดพร้อมกับยกมือสะบัดไปหาซ่งหวานหว่าน

ทว่า เขากลับตบพลาด ซ่งหวานหว่านยกมือขึ้นจับข้อมือของเขาไว้ แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ท่านช่างเป็นบิดาที่ดีจริงๆ ลูกสาวแท้ๆ กลับมาเยี่ยมบ้าน ท่านไม่สนใจถามไถ่ ยังจะตามใจปล่อยพวกนางสร้างความลำบากจงใจปิดประตูใหญ่ไม่ยอมเปิดอีก”

“แค่นี้ก็แล้วไป ท่านถึงขนาดสงสัยว่าลูกสาวที่กลับมาคือนางปีศาจ! ตามความหมายของท่านพ่อ ลูกสาวใช่ไม่ควรกลับมาเยี่ยมบ้าน ถูกหรือไม่”

ซ่งหวานหว่านรู้สึกได้ถึงความขมขื่นในใจสายหนึ่ง รูปสึกเจ้าของร่างเดิมน่าสมสาร ที่มีบุคคลเช่นนี้เป็นบิดา

“ข้า...” ซ่งเว่ยหลิงเบื้อใบ้ไป แต่ยังคงวางมาดของบิดาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ออกมา “ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้ นี่เจ้าคิดจะทำอะไร! ใครก็ได้ มาลากนางออกไปให้ข้า!”

ทว่ายังไม่ทันที่บ่าวรับใช้จะตอบสนอง เสียงทุ้มลุกอันหนาวยะเยือกก็ดังขึ้นมาทางด้านหนึ่งเสียก่อน

“เยียนซานโหวช่างสง่าผ่าเผยเสียจริง!”

พอทุกคนได้ยินเสียงก็พากันตกใจ เมื่อหันหน้ากลับไปมองก็เห็นเจียงอู๋วั่งที่อยู่ในรถม้าไม่ทราบว่าลงมานั่งบนรถเข็นตั้งแต่เมื่อใด

ผู้คนในจวนโหวพลันตระหนกวาบ ไม่คาดคิดว่าจ้านอ๋องจะเสด็จมาด้วย จึงตาลีตาเหลือกรีบคุกเข่าแสดงความเคารพทันที

ทว่าซ่งเซียงอี๋ไม่ขยับ กลับใช้สายตาจับจ้องมองเจียงอู๋วั่งอย่างสำรวจตรวจตราแทน

ครั้นซุนซื่อเห็นเช่นนี้ ก็รีบดึงชายเสื้อของนางส่งสัญญาณให้นางคุกเข่าลง แต่นางกลับเพิกเฉย เดินยักย้ายส่ายสะโพกไปตรงหน้าเจียงอู๋วั่งอย่างมีจริตจะก้านแทน

“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ!” นางย่อกายทำความเคารพ โดยไม่ลืมที่จะมองเจียงอู๋วั่งแวบหนึ่งอย่างเขินอาย

เดิมทีคิดว่าในฐานะสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงของตนมาทำให้จ้านอ๋องหลงใหล กลับไม่รู้ว่าเครื่องประทินโฉมของนางในยามนี้เลอะเป็นด่างดวง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา อัปลักษณ์ไม่ต่างกับผีสาง ช่างทำให้คนยากจะทนดูไหวจริงๆ

สีหน้าเจียงอู๋วั่งเปลี่ยนเป็นเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ เขายกมือขึ้นโบกคราหนึ่ง กำลังภายในอันเชี่ยวกรากก็โถมเข้าซัดซ่งเซียงอี๋กระเด็นห่างออกไปหลายจั้ง

“ช่างรกหูรกตาเสียจริง!” เขากล่าวเสียงเย็น

“ท่านอ๋องโปรดประทานอภัย!” ซ่งเว่ยหลิงรีบโขกศีรษะเอ่ยยอมรับผิด “บุตรสาวไม่รู้ความ ล่วงเกินท่านอ๋องแล้ว ขอท่านอ๋องทรงเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ซุนซื่อเองก็รีบตาลีตาเหลือกคลานขึ้นหน้า โขกศีรษะกล่าวอ้อนวอนเช่นกันว่า “ขอท่านอ๋องโปรดประทานอภัยปล่อยบุตรสาวไปสักครั้งเถิดเพคะ ต่อไปนางไม่กล้าอีกแล้ว!”

เจียงอู๋วั่งกล่าวอย่างเย็นชา “ไสหัวไป!”

เป็นเช่นนี้ซุนซื่อถึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก คลานไปยังข้างกายซ่งเซียงอี๋ กลับพบว่าซ่งเซียงอี๋ได้สลบเหมือดไปแล้ว

“นายท่าน! รีบตามหมอมาช่วยลูกเร็วเข้า!”

หน้าจวนเยียนซานโหวเกิดความชุลมุนวุ่นวายไปชั่วขณะหนึ่ง

ทว่าซ่งหวานหว่านกลับคร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้ ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนโหวตรงไปยังเรือนข้างทันที

เจียงอู๋วั่งปล่อยให้เจียงเทาคอยเข็นตามอยู่ด้านหลัง

“เด็กดี เจ้าโตขึ้นแล้ว ทั้งยังรู้ความอีกด้วย” เซี่ยซื่อรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะดึงมือของนางมากำชับว่า “ต่อจากนี้เจ้าต้องอยู่ร่วมกับท่านอ๋องให้ดีๆ รู้หรือไม่”

ซ่งหวานหว่านพยักหน้า ก่อนจะพลิกมาเป็นฝ่ายจับมือของเซี่ยซื่อไว้แทน แล้วจับชีพจรให้นางโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน พลางกล่าวว่า “ท่านแม่ ช่วงนี้สุขภาพของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีมาก เจ้าไม่ต้องกังวล”

จับชีพจรเสร็จ ซ่งหวานหว่านก็หันกลับไปมองเจียงอู๋วั่ง “ท่านอ๋อง ข้ามีบางอย่างอยากจะขอคุยกับท่านแม่เป็นการส่วนตัว”

เจียงอู๋วั่งพยักหน้า

“ท่านอ๋องขออภัย ให้ท่านต้องรอสักประเดี๋ยวแล้ว” เซี่ยซื่อมองไปยังเจียงอู๋วั่งด้วยสีหน้าขออภัยเต็มเปี่ยม

“ไม่เป็นไร”

เซี่ยซื่อพาซ่งหวานหว่านเข้าไปในห้องด้านใน

เมื่อเข้าไปแล้ว ซ่งหวานหว่านก็เอ่ยอย่างจริงจังทันที “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านถูกวางยาตอนที่ท่านตั้งท้องข้า”

“อะไรนะ? ไฉนเป็นเช่นนี้ได้ หว่านเอ๋อร์ ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ”

“เป็นความจริงทุกประการเจ้าค่ะ ท่านหมอที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องจับชีพจรให้ข้าแล้ววินิจฉัยออกมาด้วยตนเอง” ซ่งว่านวานผลักภาระให้จูเก่อซิวแทนขณะเอ่ยต่อ “รอยด่างดำบนใบหน้าลูก เพราะเกิดจากการถูกพิษนี่แหละเจ้าค่ะ”

ครั้นเซี่ยซื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ซีดขาวลงทันตา

หลายปีมานี้ เพื่อบุตรสาวแล้ว  นางอดทนไม่ทะเลาะไม่ตอบโต้กับซ่งเว่ยหลิงและซุนซื่อมาตลอด

กลับคิดไม่ถึงว่ายามที่นางตั้งท้อง มีคนบางคนคิดจะกำจัดนางอยู่ก่อนแล้ว!

“หว่านเอ๋อร์!” เซี่ยซื่อจับมือซ่งหวานหว่านไว้ ก่อนจะกัดฟันเอ่ยออกมาว่า “ข้ารู้ว่าใครเป็นคนวางยา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต