จื่อซูถูกจับตัวไปไว้ที่รังโจร ณ เทือกเขาวฤก
ชาติที่แล้วจื่อซูก็เคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่จะมาหลังจากที่ปราบปรามโจรภูเขาจนหมดสิ้นแล้ว
ตัวอาคารของบ้านที่นี่จะใช้ไม้ในการก่อสร้างทั้งหมด แม้จะไม่โอ่อ่าสวยหรู ทว่าก็แข็งแรงทนทานยิ่ง ตอนที่จื่อซูมาที่นี่ชาติที่แล้ว เรือนปีกขวาถูกไฟเผา นอกนั้นก็ยังคงสภาพเดิมทุกที่
แห่งกบดานของโจรภูเขาแห่งนี้มีคุกใต้ดินด้วย
เป็นคุกใต้ดินที่ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง
เบื้องหน้าคุกใต้ดินจะมีถ้ำ หลังจากที่โจรภูเขายึดครองอาณาเขตนี้แล้วก็ทำเป็นราวเหล็กกับประตูเหล็กโอบล้อมที่แห่งนี้ไว้ ยามนี้จื่อซูโดนโยนเข้าคุกใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย
นางได้ยินเสียงฝีเท้าอันหยาบกร้าวของโจรภูเขาแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ในคุกใต้ดินแห่งนี้มีตะเกียงน้ำมันเพียงอันเดียวเท่านั้น แสงสว่างจึงมีไม่มากนัก เห็นได้เฉพาะบริเวณใกล้ ๆ เท่านั้น
ตอนนี้มือของนางไม่ได้ถูกมัดด้วยเชือกแล้ว ผ้าขาดลุ่ยที่ยัดใส่ปากนางก็มีคนเอาออกแล้ว เห็นทีโจรภูเขาคงคิดว่านางไม่มีภัยคุกคามต่อพวกเขาแน่
เพราะบนเทือกเขาวฤก อย่าว่าแต่สตรีนางหนึ่งเลย แม้จะมีทหารเป็นร้อยนายมาเยือน ก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้
นางไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกเสียจากลมหายใจอ่อน ๆ ที่ลอยมา
นางหมอบบนพื้นเพื่อสำรวจสถานการณ์ด้านนอกอยู่นั้น เมื่อมั่นใจว่าไม่มีโจรภูเขาอยู่ในความมืด นางก็ค่อย ๆ คลานไป
จากนั้นก็คลานเจอคนร่างเล็กคนหนึ่ง
เป็นเด็กที่ยังมีลมหายใจอยู่
จื่อซูเชื่อมั่นว่าต้องเป็นองค์ชายฮุยหลินเป็นแน่ เขายังมีชีวิตอยู่ ดีจังเลย
จื่อซูใช้แสงอันน้อยนิดมองอีกฝ่าย พบว่าใบหน้าของเขาสกปรกโสมมและบวมช้ำอย่างร้ายกาจ ทว่าไม่รู้ว่าเวลานี้อีกฝ่ายกำลังอยู่ในอาการสลบไสลหรือว่ากำลังนอนหลับอยู่กันแน่ เพราะเสียงหายใจของเขาอ่อนและเบามาก
นางเอื้อมมือไปแตะ พบว่าหน้าผากเขาร้อนดุจไฟเผา นางร้องเสียงหลงในใจว่าเป็นไข้
การแตะหน้าผากของนางทำให้องค์ชายฮุยหลินตื่น เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก จื่อซูเอามือบังปากของเขา จากนั้นก็ส่งเสียงชู่ว์ ต่อด้วยพูดเสียงเบาว่า “องค์ชายไม่ได้ต้องส่งเสียงร้องหรอก ท่านแม่ท่านส่งข้ามาช่วยท่าน ไม่ต้องกลัวนะ และห้ามส่งเสียงด้วย”
ความตื่นตระหนกในนัยน์ตาองค์ชายค่อย ๆ จืดจาง ทว่ากลับแทนที่ด้วยหยาดน้ำตาและการสั่นเทิ้มของร่างกาย
จื่อซูเอามือออกจากปากของเขา จากนั้นก็อุ้มเขาขึ้นมา พลางปลอบขวัญเขาด้วยเสียงเบาต่อ “ไม่ต้องกลัว ข้าจะช่วยท่านออกไปแน่นอน เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่กับท่านแม่ของท่านแล้ว”
เขาสวมกอดจื่อซู เอาสองมือคล้องคอจื่อซูไว้แนบแน่น ร่างกายของเขายังคงสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเหมือนเดิม น้ำตาได้ไหลหยดใส่เสื้อของจื่อซู ทว่ากลับไม่ส่งเสียงร่ำไห้เลย เด็กอายุสี่ขวบกว่า แต่กลับรู้ความและเข้มแข็งได้เพียงนี้ จื่อซูเห็นแล้วก็ปวดใจจนน้ำตาเกือบไหล
นางรู้สึกเอือมระอากับความคิดที่จะนิ่งดูดายต่อเรื่องนี้ของตัวเองยิ่ง
“องค์ชายฮุยหลินเป็นเด็กดีนะ ฟังข้านะ ถ้าคนชั่วอยู่ที่นี่ เจ้าก็แกล้งหลับเลย รอให้ข้าเรียกเจ้าก่อน เจ้าค่อยลุกขึ้น เจ้าไม่ต้องร้องไห้ ห้ามโวยวาย และห้ามส่งเสียงเด็ดขาดนะรู้ไหม?” จื่อซูตบหลังเขาแล้วเอ่ย
“รู้แล้ว...รู้แล้ว” องค์ชายฮุยหลินพูดเสียงสะอื้น
“เก่งมาก เด็กดี” จื่อซูสูดจมูก นางเข้าใจหัวอกคนเป็นบิดามารดาขององค์หญิงผิงอันกับใต้เท้าหานดี เวลาที่ไม่รู้ว่าลูกในอุทรของตัวเองอยู่ไหน ไม่รู้ว่ากำลังลำบากอยู่หรือไม่ ทั้งยังไม่รู้ว่าต้องประสบพบเจอสิ่งไหนบ้าง ความทรมานเช่นนี้คือการกัดกินหัวใจนั่นเอง
นางรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย การหนีออกไปคนเดียวก็ว่ายากแล้ว ยิ่งพาเด็กคนนี้ออกไปด้วยก็จะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ บางทีนางอาจจะตายที่นี่ก็ได้
ทว่าเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ นางกลับไม่ได้นึกถึงความแค้นของชาติที่แล้ว เอาแต่คิดหาหนทางพาเด็กคนนี้หนีออกไปอย่างเดียว
สมองของนางทำงานอย่างรวดเร็ว องค์ชายฮุยหลินถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในคืนวันที่เจ็ด แสดงว่ายังเหลือเวลาที่โจรภูเขาจะลงมืออีกสองถึงสามวัน
นางจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยหาวิธีหนีออกไปให้ได้ นางต้องหาวิธีตอนนี้เลย
นางจับเอวของตัวเอง พบว่าแส้เมฆาของนางยังอยู่
จื่อซูรู้ว่าโจรภูเขากลุ่มนี้โหดร้าย อำมหิตมาก ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน และจะไม่มีคำว่าเมตตาจากพวกเขาเด็ดขาด ถ้าพวกเขาสมคบคิดกับซั่งกวนป๋าจริง เช่นนั้นซั่งกวนป่าคงไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตรอดออกไปได้แน่
ทว่าสิ่งที่ทำให้จื่อซูแปลกใจก็คือหากซั่งกวงป๋าต้องการให้นางตาย แล้วทำไมโจรภูเขายังไม่สังหารนางอีก?
การมีชีวิตอยู่ของนางไม่เป็นผลดีต่อซั่งกวนป๋าอย่างแน่นอน
ซั่งกวนป๋าจะได้รับผลประโยชน์อะไรหากนางยังมีชีวิตอยู่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...