ในเหมันตฤดูของปีที่หกแห่งรัชศกจงจิ้ง จงซื่อ ซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเซวียน ยกทัพพิชิตแคว้นเหลียวกลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่
หลังจากรับพระราชทานรางวัลจากในวังเสร็จสิ้น เมื่อกลับถึงจวนก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว
หนิงฝูเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเขาเอ่ยสั่งสาวใช้ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำให้เตรียมน้ำ
นางก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียง
จงซื่อปรายตามองนางเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องชำระกายไปอย่างเมินเฉย
ผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา เขาก็เดินออกมา เรือนร่างสูงเพรียว คิ้วเรียวยาวเฉียงพาดสู่ขมับ รูปงามเกินชายใด ยามไม่ยิ้มยิ่งดูเคร่งขรึมเย็นชา บัดนี้เขามีผลงานชัยชนะจากสงครามจนเป็นที่ประจักษ์ มีตำแหน่งสูงส่งทรงอำนาจ ความห่างเหินเย็นชาที่แสดงออกมา ยิ่งทำให้เขาดูเป็นคนแปลกหน้า
เขายื่นมือออกมา บีบปลายคางของนางเบา ๆ มองพินิจอย่างสงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนเลื่อนมือลง ล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อของนาง
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น สายฝนพลันเทลงมาอย่างบ้าคลั่งนอกหน้าต่าง ดอกท้อแย้มบานชุ่มฝนดูหม่นหมอง กิ่งหลิวสั่นไหวตามแรงลม งามจับใจจนยากจะหาสิ่งใดเทียบ
ผ่านไปพักใหญ่จึงได้สงบลง
ภายในม่านมุ้งก็เฉกเช่นกัน พายุฝนห่าใหญ่เพิ่งผ่านพ้น หากเป็นสามีภรรยาทั่วไป ยามนี้คงมีถ้อยคำกระซิบแผ่วหวาน พรรณนาถึงความคิดถึงที่แสนทรมาน แต่สำหรับคนทั้งสอง แม้นมิได้พบหน้ากันมาหนึ่งปีเต็ม กลับเย็นชาห่างเหินราวคนแปลกหน้า
จงซื่อมีรูปลักษณ์หล่อเหลางามสง่า อายุเพียงสิบเจ็ด ก็ออกศึกเคียงข้างอ๋องเซวียนสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ทั้งด้านบุ๋นและบู๊ล้วนโดดเด่นเหนือผู้ใด เป็นชายในฝันของบุตรีตระกูลสูงศักดิ์นับไม่ถ้วนในเมืองหลวง
การแต่งงานระหว่างหนิงฝูกับเขานั้น เป็นความเห็นชอบของบิดามารดา และผ่านการทาบทามโดยแม่สื่อ ก่อนจะแต่งงาน สตรีในดวงใจของจงซื่อคือคุณหนูรองแห่งจวนชิ่งกั๋วกง ซึ่งก็คือพระชายาองค์ชายสี่ในปัจจุบัน หากมิใช่เพราะองค์ชายสี่เข้ามาแทรกกลาง ป่านนี้ทั้งสองคงได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกันไปนานแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของหนิงฝูก็อดรู้สึกขื่นขมไม่ได้ รูปลักษณ์และชาติตระกูลของนาง มิได้ด้อยไปกว่าคุณหนูรองผู้นั้นเลย ทว่าชีวิตแต่งงานของอีกฝ่ายกลับเปี่ยมสุขกลมเกลียว ผิดกับนางราวฟ้ากับดิน
"อีกสามวันข้าจะกลับไปยังแดนเหนือ" ท้ายที่สุดจงซื่อก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น แจ้งให้นางทราบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ทุกครั้งที่เขากลับมา ก็มักจะอยู่เพียงสองสามวันเท่านั้น นางมิได้ปริปากทักท้วงใด ๆ
สองสามวันต่อจากนั้น จงซื่อมัวยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่ จึงพักอยู่ที่ห้องหนังสือ มิได้มายังเรือนของนาง
กระทั่งคืนก่อนวันเดินทาง นางจึงได้เห็นเงาร่างของเขาอีกครั้ง
หนิงฝูมองบุรุษตรงหน้าที่กำลังครอบครองเรือนร่างของนางตามอำเภอใจ ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมา "ข้าอยากไปแดนเหนือกับท่าน"
จงซื่อชะงักการเคลื่อนไหว แล้วกล่าว "แดนเหนือนั้นหนาวเหน็บยิ่งนัก ร่างกายเจ้าคงทนไม่ไหว เจ้าพักอยู่ที่จวนเถิด หากรู้สึกเบื่อหน่าย จะเชิญมารดาเจ้ามาที่จวนบ่อย ๆ ก็ย่อมได้"
หนิงฝูมิได้ตอบ เพียงพลิกกายหันหลังเสมือนต้องการหลับพักผ่อน
จงซื่อยังมีอารมณ์คงค้าง เอื้อมมือจะดึงนางเข้ามาหา แต่กลับถูกนางเบี่ยงตัวหลบ "ซื่อจื่อได้โปรดเห็นใจร่างกายข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
บุรุษถอนมือกลับ จ้องมองแผ่นหลังของนางอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนสายตากลับมา ความกระหายเมื่อครู่จางหายไปจนหมดสิ้น
แท้จริงแล้ว หนิงฝูยังไม่อาจข่มตาให้หลับได้เลย หยดน้ำตาไหลลงหมอนจนเปียกชุ่ม นางรู้ดี อันที่จริงเขาเพียงไม่อยากพานางไปด้วย
ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา พลันมีมือข้างหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลังวางลงบนเอวของนาง ก่อนที่ร่างของเขาจะโน้มเข้ามาแนบชิด


 ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนคืนก่อนวิวาห์ ข้าไม่ขอเป็นภรรยาท่านอีก