หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] นิยาย บท 2

ตอนที่1

#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม

การเรียนวันแรกไม่ได้มีอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ทุกวิชาจะเน้นให้นักศึกษาได้แนะนำตัวเพื่อที่เพื่อนในห้องจะได้คุ้นชินและสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่แน่นอนว่าในหนึ่งห้องก็มักจะมีคนที่ได้รับความสนใจมากกว่าคนอื่นเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้าของใบหน้าดูดีที่เป็นจุดสนใจทั้งเพื่อนชายและเพื่อนหญิงในห้อง คินยิ้มแค่พอเป็นพิธีหลังจากแนะนำตัว รับรู้ถึงสายตาหลายคู่ที่คอยจับจ้องตลอดการนั่งเรียนแต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ได้ต้องการจะมีเพื่อนเพิ่มหรืออะไร เพราะสำหรับคินการมีเพื่อนที่สนิทและไว้ใจเพียงคนเดียวมันดีเสียมากกว่า

“ตอนเย็นคินต้องเข้าไปพบโค๊ทของทีมว่ายน้ำหรอ” เสียงถามจากคนตัวเล็กข้างกายดังและคินหันมอง

“อื้ม” ก่อนครางรับและพยักหน้าให้

“งั้นที่ว่าจะไปดูหนังด้วยกันไว้วันหลังก็ได้เนอะ”

“ได้ดิ เดี๋ยวว่างวันไหนแล้วจะบอกนะ...ว่าแต่ ธารคิดไว้ยังว่าจะเข้าชมรมอะไร” เป็นเพราะถ้าผ่านการคัดตัวและได้ร่วมทีมคินก็จะต้องเข้าชมรมว่ายน้ำโดยอัตโนมัติดังนั้นในตอนนี้ถึงได้เป็นห่วงเพื่อนสนิทว่าจะอยู่ชมรมไหน แต่คุยไปก็ต้องเนียนนั่งฟังที่อาจารย์พูดไปโดยที่สายตาก็มองหน้าห้องแต่หูนี่สนใจฟังแต่เสียงของธาร

“ไม่แน่ใจ แต่อยากเข้าชมรมถ่ายรูปนะ...คงจะเท่ดี”

“ก็ดีนะ จะได้เอามาถ่ายรูปเราตอนแข่งว่ายน้ำไง...อีกอย่างธารมีเลนส์กล้องสวยๆตั้งเยอะ” ประโยคตามประสาคนรวยคุยกันโดยที่ขนาดเพื่อนร่วมห้องที่ก็บ้านมีฐานะยังอดจะให้ความสนใจไม่ได้ เอาเข้าจริงก็บ้านมีตังค์กันทุกคนเพราะคณะแพทย์เป็นคณะที่ต้องใช้เงินลงทุนในการเรียนสูง แต่นี่ยิ่งเป็นคณะแพทย์อินเตอร์อีกคงไม่ต้องถามถึงหรอกนะสำหรับเรื่องค่าใช้จ่าย นั่งเรียนก็คุยกันอยู่สองคน พอเพื่อนคนอื่นชวนคุยคินก็จะตอบไปแค่พอเป็นพิธีจนในที่สุดเสียงซุบซิบจากคนต่อคนก็กลายเป็นในหัวข้อที่ว่า ไอ้หน้าหล่อนั่นหยิ่งชะมัด หยิ่งเหมือนที่เด็กคณะอื่นพูดเลย

“ขับรถดีๆหละ” ถึงเวลาเลิกเรียนคนเอ่ยลาเพื่อนตัวเล็กซึ่งธารก็หันมายิ้มให้ เก็บของช้านิดหน่อยเพราะในกระเป๋าของคินมีทั้งไอแพดและอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด จนในที่สุดก็เดินสะพายกระเป๋าเป้ราคาแพงออกมาท่ามกลางสายตาสนใจจากคนรอบข้างเหมือนอย่างเคย สระว่ายน้ำอยู่ไกลพอสมควรซึ่งแน่นอนว่าคินไม่มีทางเดินไปอยู่แล้ว

..ปึก.. ปิดประตูเข้ามานั่งในรถ เผลออดนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็นไม่ได้

“วันนี้คงได้เจออีกแน่เลย” พึมพำขึ้นมากับตัวเอง กังวลนิดหน่อยเพราะท่าทางของอีกคนดูนักเลงและไร้มารยาทมากจนเขาไม่อยากยุ่งด้วยแต่ก็เหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะยังไงก็คงอยู่ชมรมเดียวกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าสระว่ายน้ำ มองผ่านออกไปนอกกระจกพบว่ามีชายหนุ่มหนึ่งกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินมาพร้อมกัน ตอนนี้คินเห็นแล้วว่าเป็นใครที่เดินอยู่ดังนั้นถึงยังไมได้เปิดประตูลงจากรถ

“มองอะไรวะ” แต่เหมือนว่าอีกคนก็ไม่ยอมเดินไปซักทีแถมยังยืนจ้องรถของเขานิ่ง จนในที่สุด

...ปึก... ก็เป็นคินที่เปิดประตูแล้วเดินลงจากรถแล้วเดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้นไปเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน

ไม่ได้รับรู้เลยซักนิด

ว่าท่าที่แบบนี้ยิ่งทำให้โดนหมั่นไส้

“จะหยิ่งอะไรขนาดนั้น” เสียงบ่นจากเพื่อนร่วมกลุ่มดังขึ้นมาในขณะที่ภูมองตามแผ่นหลังของอีกคนไปจนลับ ท่าทางไม่สนโลกตามแบบฉบับไอ้พวกลูกคนรวยที่ทำตัวเหมือนตัวเองอยู่คนละชั้นกับพวกเขา มองไปที่รถยนต์คันสีขาวที่ชนเขาไปเมื่อวาน รถยนต์คันนั้นที่ดูคินจะให้ความสนใจมากเสียกว่าชีวิตของเขาเสียอีก

“รถแม่งโคตรสวย นี่กูเก็บเงินทั้งชีวิตยังไม่มีพอซื้อรถมันเลย” คำโอดครวญดังมาจากเพื่อนอีกและภูชักสีหน้า

“ก็ไอ้รถเวรนี่แหละที่ทำข้อมือกูเจ็บ คิดว่ารวยแล้วจะทำอะไรก็ได้หรอวะ” เสียงจากภูดังขึ้นจนได้

“เอาหน่าไอ้ภู ใจเย็นไว้...ยังไงก็ถือซะว่าอยู่ทีมเดียวกันเนอะ”

“กูไม่นับมันรวมทีมหรอก แค่น้ำใจนักกีฬามันยังไม่มีเลย กูจะหาทางบีบมันออกจากทีมเราให้ได้” ประโยคนี้จากภูทำเอาคนฟังพากันกลืนน้ำลายเป็นแถบ ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการโดนกัปตันทีมหมายหัวว่าจะบีบให้ออกจากทีมแล้วหละสำหรับชีวิตของนักกีฬาเนี่ย ในตอนนี้เดินตามกันเข้าไปภายในส่วนของอาคารขนาดใหญ่ หลายคนนั่งรอพบโค๊ทที่พื้นริมสระน้ำในขณะที่คินนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้เพียงคนเดียว

“พื้นมันไม่ได้สกปรกขนาดนั้น มึงลงมานั่งข้างล่างกับเพื่อนเขาดีกว่ามั้ย?” เมื่อภูพูดประโยคนี้ไปคินละสายตาจากโทรศัพท์และเงยมอง น้ำเสียงแบบนี้ของภูทำเด็กคนอื่นพากันกลัวแทบหัวหดเพราะถ้าซ้อมเมื่อไหร่แล้วภูใช้เสียงนี้ก็คือหายนะ ในขณะที่คินที่มาใหม่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ยังดูลอยหน้าลอยตาสบายใจแต่เอาเข้าจริงแล้วคินไม่ชอบกับการที่ไม่ได้สนิทกันแต่มาหยาบคายใส่แบบนี้

“แล้วพี่จะนั่งพื้นหรือนั่งเก้าอี้หรอครับ?” เพราะงั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้รับการพูดคุยแบบดีๆด้วยจากคิน

“กูก็ต้องนั่งเก้าอี้สิในเมื่อกูเป็นกัปตัน...กูต้องคุยกับลูกทีมกู” เมื่อภูพูดไปแบบนี้คินยิ้มนิดหน่อย

“กัปตันที่เข้าเส้นชัยช้ากว่าเด็กใหม่แบบผม?”

“มึง...!”

...หมับ!..

“ไอ้ภู!พอๆๆ เดี๋ยวโค๊ทเข้ามาเจอก็เป็นเรื่องอีก” ถึงขั้นทีเพื่อนต้องวิ่งกรูเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันตรงนี้ แต่สุดท้ายคินก็ลุกลงจากเก้าอี้แล้วนั่งลงบนพื้นกับคนอื่นแบบไม่ได้พูดอะไร สีหน้าไม่ได้มีแสดงอาการใด เรียบนิ่ง เฉยชาเหมือนอย่างปกติ ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาจากเด็กในทีมคนอื่น คินรับรู้ว่าหลายคนไม่ชอบเหน้าของเขาแต่ก็เหมือนจะมีอีกหลายคนที่ดูอยากจะเป็นเพื่อนกัน นั่งรอกันซักพักในที่สุดโค๊ทของทีมก็เดินเข้ามา

“ไง นี่มีเด็กใหม่ในทีมกี่คนใครบ้าง...ยกมือให้โค๊ทดูหน่อยสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำตามแบบฉบับผู้ชายวัยกลางคน คินยกมือพร้อมมองรอบข้างที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นเด็กใหม่ซึ่งนั่นรวมกับเขาด้วย

“แนะนำตัวที แนะนำตัวกันทุกคนนั่นแหละ” มีเด็กอยู่เกือบสามสิบคนและคินเป็นคนเกือบสุดท้ายที่แนะนำตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]