ตอนที่12 – ตอนที่ต้องอ่านของ หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]
ตอนนี้ของ หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] โดย mimi112233 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่12 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่12
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
วันถัดมาก็หายป่วยสามารถกลับมาซ้อมได้ตามปกติ ภูเดินเข้าไปภายในชมรมพบว่ากลุ่มของสมาชิกชมรมกำลังนั่งคุยกันอยู่โดยที่สภาพตัวเปียกเพราะเพิ่งจะขึ้นจากสระ และในตอนนี้ทุกคนหันมามองพร้อมทักทายภูซึ่งตัวเขาเองเพียงพยักหน้ารับกลับไปให้ มองตรงไปที่ใครบางคนที่รีบหลบสายตา เห็นแบบนี้ภูถึงเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงข้างกับคิน
“.........” เกิดเป็นความเงียบขึ้นรอบด้าน รับรู้ถึงสายตาเลิ่กลั่กจากเพื่อนร่วมชมรมที่มองมา
และภูเลิกคิ้วเชิงตั้งคำถามกลับไป
“ปกติ มึงไม่นั่งข้างไอ้คินนะ”
“........” ก่อนคราวนี้จะเป็นภูเสียเองที่ทำสีหน้าไม่ถูก รีบลุกออกจากจุดที่นั่งแล้วไปนั่งที่อื่นแทน เสียงหัวเราะจากคนในชมรมดังตามมาเพราะเพียงแค่แซวแต่ไม่คิดว่าภูจะรีบเดินหนีจากคินจริงๆ ผ่านไปพักเดียวคนอื่นก็พากันพูดเรื่องใหม่โดยที่คินกับภูยังคงมีท่าทางที่ดูจะไม่ค่อยพูดเสียเท่าไหร่นัก ถึงเวลาต้องลงสระรอบที่สองภูนั่งมองคินที่กำลังตั้งใจว่ายน้ำ
เผลอมองแผ่นอกของอีกคน นึกขึ้นได้ว่าแค่ขาอ่อนยังเนียนและนุ่มมาก
แล้วถ้าเป็นทั้งตัวหละ ผิวของคินนี่นุ่มแค่ไหนกัน...
..เพี้ยะ.. ถึงขั้นต้องรีบยกมือตบแก้มของตัวเองเพื่อให้เลิกคิดอะไรแบบนี้เดี๋ยวนี้ซะ พาตัวเองลุกออกจากที่นั่งเพราถ้าขืนยังนั่งตรงนี้ก็คงจะแอบมองคินอยู่ต่อไปแน่ เพราะงั้นเขาคิดว่าพาตัวเองลงไปซ้อมในสระคงจะดีกว่า แต่ระหว่างนี้ที่ยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าภูมีความรู้สึกเหมือนมีใครกำลังยืนมอง เลยตัดสินใจมองไปที่ด้านหลัง
“.....!” พบว่ามีคนที่กำลังยืนแสดงสีหน้าตกใจอยู่หลังจากที่โดนจับได้
“พี่แบงค์ใช้ให้ผมมาเอาโทรศัพท์ให้”
“แล้วทำไมมึงไม่ไปเอาหละ มายืนมองกูเพื่อ” ภูถามกลับไปและคินรีบพูดตอบ
“ก็ผมไม่รู้ว่าล็อคเกอร์พี่แบงค์อันไหนอะ ก็จะถามพี่”
“อันนั้น ตู้ข้างล่าง”
“ครับ...” คนอายุน้อยกว่าขานรับกลับไป คินรีบตรงไปที่ล็อคเกอร์ของแบงค์เพื่อหยิบโทรศัพท์ของอีกคนไปให้ ได้ของแล้วก็รีบเดินหนีออกมาเพราะอยู่กับภูสองต่อสองแล้วมันทำให้เผลอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน ทำไมเมื่อคืนภูถึงได้ทำแบบนั้น...
อยากจะถามมากแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าเพราะฉะนั้นคินถึงได้คิดไปเองว่าคงเพราะป่วยอยู่เลยเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือเปล่า สงสัยตาจะเบลอหละมั้ง คิดแบบนี้สบายใจขึ้นเพราะยังไงก็ต้องเจอหน้ากันทุกวันแถมอยู่ทีมเดียวกันด้วย ถ้าเกิดอึดอัดต่อกันเมื่อไหร่คงจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศภายในทีม คินไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีมต้องแย่
“ซ้อมเสร็จไปห้องไอ้คินไหม พวกกูว่าจะกินเหล้ากัน” แล้วเสียงถามจากแบงค์ก็ดังขึ้น
“อีกแล้วหรอครับ?”
“เออหน่า มึงไม่กินมึงไปนั่งเล่นก็ได้” เพราะรู้ว่าแบงค์อยากให้คนในชมรมสนิทกันมากขึ้นเลยหาโอกาสทำกิจกรรมนอกเหนือจากการซ้อม คินเลยพยักหน้ารับไป มองไปที่เจ้าของห้องพบว่ารายนั้นกำลังมองมาที่เขาเหมือนกัน คินถึงได้รีบหลบตา ก้มหน้าเดินตามหลังของคนอื่นในชมรมเพื่อตรงไปที่รถแล้วจะได้ไปห้องของภูกัน
“พวกมึงไปกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูแวะไปซื้อเหล้ากับโซดา” แบงค์ทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้และทุกคนเพียงพยักหน้ารับ ขับรถแยกออกมาอีกทางเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ตอนนี้เพิ่งจะสองทุ่มเขาคิดว่าคงจะยังสามารถซื้อแอลกอฮอล์ได้นะ เดินเข้าไปภายในตัวของห้างก็มุ่งตรงไปยังโซนขายของทั่วไป รถเข็นหนึ่งคันที่เอามาช่วยใส่โซดาจำนวนมาก ระหว่างที่เดินเลือกซื้อของเสียงกระดิ่งที่ดังเรียกให้แบงค์ต้องหันหน้าไปมอง พบเป็นเจ้าหมาขนปุยตัวเล็กสีขาวที่กำลังเดินเล่นโดยที่ปลายเชือกที่จูงน่าจะอยู่ที่อีกฝั่งของชั้นวางของ
“มานี่มา” น่ารักมากจนต้องคุยด้วยแล้วดูเหมือนสุนัขบ้าจี้ตัวตรงหน้าก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหา
“กระปุก!จะเดินไปไหนเนี่ยพี่เลือกของอยู่ไม่เห็นหรอ” เสียงจากเจ้าของที่ดังมาจากอีกฝั่งของชั่นเลือกของ แบงค์ไม่ได้เอะใจอะไรเขาเพียงเดินหนีออกมาเพราะดูท่าทางเจ้าหมาน้อยคงจะไม่สามารถมาเล่นกับเขาได้แล้วหละ แต่เหมือนจะผิดคาดเพราะขนาดเดินหนีออกมาแล้วเจ้าหมาที่ชื่อกระปุกยังจะพยายามดึงเชือกของตัวเองเพื่อมาเล่นกับเขา
..บ็อก!.. เริ่มมีเสียงเห่าและแบงค์มองเจ้าหมาตัวเล็กที่ดื้อดึงจะเข้ามาหา จนในที่สุดน้ำเสียงหงุดหงิดจากเจ้าของสุนัขก็ดังตามขึ้นมา
“ไอ้หมานิสัยเสีย ดื้อมากจะเอาไปปล่อยวัดแน่!อยากโดนย่างไหม!” และปรากฏเป็นหนึ่งบุคคลที่เดินหน้าบึ้งออกมา ทิ้งเชือกในมือลงแล้วเจ้ากระปุกก็วิ่งตรงเข้ามาเล่นกับแบงค์ทันที ยังไม่ได้มองเลยว่าใครเป็นเจ้าของเพราะมัวแต่ก้มหน้าเล่นกับเจ้าหมาตัวเล็ก ถึงแม้จะแอบคิดว่าเสียงเจ้าของสุนัขคุ้นมากก็เถอะ เลยลองที่จะเงยหน้ามอง
“.....!” เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนมองลงมาพอดี ตาโตด้วยกันทั้งคู่เช่นเดียวกับคิ้วที่ขมวดแน่น
“ไอ้กระปุกมานี่ กลับบ้านเดี๋ยวนี้” พอเห็นว่าเป็นใครที่เล่นกับสุนัขของตัวเองอยู่ก็รีบเรียกให้กลับทันที
“กระปุก!” แต่เหมือนเจ้าหมาน้อยจะไม่สนใจ
“ขนาดหมายังไม่อยากอยู่กับมึงเลย” แบงค์พูดสวนไป อุ้มเจ้ากระปุกขึ้นแนบอกพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เหนือกว่า เอิร์ธกำลังรู้สึกเหมือนจะบ้าตาย รอบนี้เหมือนโดนหยามเพราะขนาดสุนัขที่เลี้ยงมากับมือแท้ๆยังกบฏเขาได้เลย
“เอาคืนมา จะกลับบ้านแล้ว” เอิรธ์พูดขึ้น
“หมาใคร”
“เอ้าก็หมากูสิ กูคงไปยืนคนอื่นเข้ามามั้ง...เอาคืนมาได้แล้ว” สีหน้าของเอิรธ์กำลังหงุดหงิด แบงค์มองสิ่งในมือที่อีกคนถืออยู่พบว่ามีของใช้ของสุนัขและของอย่างอื่นอยู่ด้วย ตอนแรกกะจะกวนประสาทต่อซักหน่อยแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องรีบซื้อของ
“มาเอาไป” เพราะงั้นวันนี้พอแค่นี้แหละ
..หมับ.. และเอิร์ธก็รีบรับเจ้ากระปุกไป เดินหนีทันทีแต่แบงค์ยังมองตาม
“ต่อไปถ้าดื้ออีกพี่จะไม่รักแล้วนะ” ได้ยินเสียงพึมพำที่เอิรธ์คุยกับสุนัขของตัวเอง ใครอีกคนเดินห่างออกไปแล้วส่วนแบงค์ก็เลิกให้ความสนใจแล้วหันกลับมาซื้อเหล้าของตัวเองต่อ ซื้อของเสร็จก็กลับเอามาไว้ที่รถ แต่ระหว่างทางที่ขับรถไปที่ห้องของภูเผลอนึกไปถึงเหตุการณ์เมี่อครู่ แล้วดันหลุดยิ้มออกมาเสียอย่างงั้น...
...........................
เริ่มดึกเสียงก็ยิ่งเริ่มดัง เพลงที่เปิดคลอดูจะมีความหมายขึ้นมากเมื่อแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกาย ในวันนี้คินนั่งกินด้วยหลายแก้วแต่ก็ยังไม่ได้มากเท่ากับคนอื่นที่บางคนก็เมาปลิ้นจนหลับไปแล้ว เหลือสายแข็งอยู่ไม่กี่คนที่นั่งดื่มกันต่อ เริ่มจะหาที่พิงและคินที่พอเมาก็ยิ่งเงียบหนักจากที่ปกติก็เงียบอยู่แล้ว ถ้าไม่มีใครชวนคุยก็คงคิดว่าคินหนีกลับบ้านไปแล้วแน่
“ครับ...แต่ว่าตอนนี้แม่ผมมีคนใหม่แล้วนะ ที่จริงผมก็ไม่ชอบแต่พอคิดว่าถึงยังไงชีวิตก็ต้องไปต่อ แค่แม่ผมมีคนใหม่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่รักผมซักหน่อย” ภูเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ นั่งคิดอยู่กับตัวเองว่าคงจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่เขาจะสามารถรับเรื่องนี้เหมือนกับคินได้ คนใหม่ของพ่อเขาก็ไม่ได้นิสัยแย่ เธอนิสัยดีมากด้วยซ้ำ แต่เขาแค่ยังรับไม่ได้ในเรื่องนี้ก็เท่านั้นถึงแม้ว่าทางแม่ของเขาจะพยายามคุยเรื่องนี้ด้วยหลายครั้งแล้วก็ตาม
“กูแค่ไม่โอเคที่พ่อกูมีคนอื่นตั้งแต่ที่ยังไม่เลิกกับแม่กู...ทั้งที่แม่กูก็ป่วยอยู่ แต่เขาก็ยังทำแบบนั้น”
..หมับ.. ไม่มีคำพูดใดมีเพียงมือของคินที่เอื้อมมาลูบไหล่ ภูถอนหายใจเอนหลังพิงกับประตูกระจก
เงียบกันอยู่นานจนที่คินรับรู้ได้ว่าอีกคนกำลังมองหน้าอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถึงได้ถามกลับไปพร้อมมองหน้าของภูด้วย
“มึง....” พึมพำพูดออกมาพลางใช้สายตามองตาของคินสลับกับมองกลีบปากของคนตรงหน้า
หัวใจที่เริ่มเร่งจังหวะในการเต้น
...หมับ... จนที่มือของภูแนบสัมผัสลงบนแก้ม หายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะ ดวงตาที่สบมองกันและสีหน้าที่เหมือนกำลังตัดสินใจว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี ภูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ตัดสินใจกับตัวเองครั้งสุดท้าย
ก่อนกดแนบริมฝีปากของตัวเองลงบนกลีบปากของคนตรงหน้า
ไม่ได้ขยับหรือลุกล้ำ แช่ค้างอยู่อย่างนั้นก่อนผละออกแล้วกลับมามองหน้ากันด้วยลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะ
“ขออีกนะ” และภูพูดคำนี้ขึ้นก่อนที่คินจะพยักหน้ารับ ริมฝีปากของคนทั้งสองสัมผัสกันอีกครั้งแต่ในรอบนี้แตกต่างจากครั้งแรกมากนัก เรียวลิ้นที่ถูกสอดเข้ามาในโพรงปากและแรงดูดดึงที่ได้รับเรียกเสียงที่ดังจากการจูบที่ทำให้คินหน้าขึ้นสี
“อืออ” ครางแผ่วในลำคอเมื่อภูไล่จูบซับตามริมฝีปาก อีกคนกดจูบย้ำแล้วย้ำอีกพร้อมออกแรงดูดดึงและผลัดกันเป็นฝ่ายไล่ต้อนลิ้นของกันและกัน ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้เป็นภูที่ผละตัวออกห่าง นั่งหอบหายใจมองหน้ากัน
ต่างคนต่างเงียบแต่แววตาดูจะทำตัวไม่ถูกด้วยกันทั้งคู่
คินเม้มปากและเป็นฝ่ายที่เบือนสายตาหลบก่อน
“ผมเข้าไปนอนก่อนนะ” คินพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องแบบไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ส่วนภูยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
เมื่อวานนัวกันบนเตียง ล่าสุดวันนี้จูบกันแล้ว แล้วยังเหลืออะไรอีกหละ...
“ -/////- “ แล้วนี่ จะหน้าแดงทำไมวะเนี่ย...!
# # # # # # # # # # #
คนบ้าคนผีทัลเลลลลล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]