ตอนที่14
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
มาเรียนปกติเหมือนอย่างในทุกวันแต่ในวันนี้คินกลับรู้สึกมีความสุขกับการเรียนรวมไปถึงสิ่งรอบข้างด้วย เขาอารมณ์ดีแล้วหัวเราะกับมุกตลกของธารที่ถ้าเป็นอย่างทุกวันที่ผ่านมาคนแบบคินไม่มีทางหัวเราะกับมุกอะไรพวกนี้แน่ แต่ในตอนนี้กลับแปลกมาก ธารยังขมวดคิ้วมองอย่างพิจารณาว่าเพื่อนของตัวเองมีเรื่องอะไรให้ต้องอารมณ์ดีงั้นหรอ เรียนคาบเช้าผ่านไปถึงตอนกลางวันก็ไปหาอะไรทานที่โรงอาหารตามปกติ
แต่เสียงเหมือนคนกลุ่มใหญ่ที่เดินเข้ามาจากด้านหลังทำให้คินอดจะหันไปมองไม่ได้
นั่นเพราะรอบข้างส่งเสียงซุบซิบกัน จนพอลองมองไป
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้ภู คณะตัวเองมีข้าวแดกเสือกไม่แดก ถ่อมาแดกถึงโรงอาหารคณะแพทย์”
“ก็ก๋วยเตี๋ยวที่นี่มันอร่อย ทำไม แปลกหรอกวะ”
“แปลก! / แปลก!” ไม่ใช่เพียงหนึ่งเสียงที่ตอบแต่เป็นทั้งกลุ่มที่ตะโกนคำเดียวกัน ภูและเพื่อนเดินคุยกันเข้ามาโดยที่ยังไม่ได้สังเกตว่าคินกำลังนั่งมองอยู่
“กูแค่อยากมากินก๋วยเตี๋ยว”
“อยากมากินก๋วยเตี๋ยวหรืออยากมากินอะไรนอกเหนือกว่านั้น บอกมาดีๆ”
“........”
“มึงซ่อนเด็กไว้ใช่ไหมเนี่ย”
“ไม่มีหร๊อกกก!” ตะโกนตอบไปเสียงสูงแล้วภูก็รีบเดินไปซื้อข้าวทั้งที่ตอนแรกอ้างว่าจะมากินก๋วยเตี๋ยว เหล่าเพื่อนที่เดินตามได้แต่ส่ายหน้า จะโกหกก็ไม่เคยจะเนียนกับใครเขาหรอกภูเนี่ย ทางด้านของคินนั่งตักข้าวเข้าปากโดยที่สายตามองภูว่าใครอีกคนจงใจมาหาใคร คณะเขาก็สาวสวยเยอะนะ บางทีอีกคนอาจจะมีเด็กอยู่จริงก็ได้
แอบรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย
ตอนนี้หน้าหงอยลงแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว
..กึก... แต่จานข้าวที่วางลงบนโต๊ะเรียกสายตาของคินให้ต้องเงยมองอีกครั้ง พบเป็นภูที่เข้ามานั่งตรงข้ามกับเขาโดยที่เพื่อนของอีกคนก็นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันด้วย คินยิ้มทักทายให้ในขณะที่ธารหน้าบึ้งแล้ว
“ตอนเย็นอย่าลืมมาซ้อมนะ” แระโยคแรกที่ภูพูดด้วย
“มึงเดินมาตั้งไกลเพื่อจะมาบอกมันแค่เนี่ยนะ” แล้วคนที่พูดขัดขึ้นก่อนคือแบงค์ซึ่งภูหันมอง
“อะไร บังเอิญมาเจอน้องมันก็เลยแวะบอกไง เผื่อมันลืมว่าตอนเย็นมีซ้อม”
“นี่มึงมีพิรุธนะไอ้ภู”
“ไม่มี พิรุธอะไรของมึง” ภูทำเสียงแข็งหน้าตาจริงจัง จนแบงค์ยอมจะพยักหน้ารับไปส่งๆแล้วลงมือทานข้าว ตอนนี้เพื่อนของภูเริ่มจะคุยกัน บรรยากาศกลับมาเฮฮาและคินตั้งใจทานข้าว จนที่ลองชำเลืองมองไปที่ภูถึงได้พบว่าอีกคนกำลังมองมาที่เขาอยู่ เด็กหนุ่มกลั้นยิ้มเอาไว้และภูก็ตีหน้านิ่ง เพราะถ้าเผลอยิ้มกันทั้งคู่มีหวังโดนตั้งคำถามอีกแน่ ทานข้าวเสร็จแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้าย คินกลับมาในห้องเรียนโดยที่ในหัวรอคอยแต่จะให้ถึงเวลาซ้อม
ซ้อมเสร็จก็จะได้ไปกินบิงซูไง เขาไมได้กินมาตั้งนานละ
ไม่ใช่ว่าอยากจะไปเจอใครหรอกนะ ก็แค่อยากกินของหวานเท่านั้น
..................
แล้วก็เรียนเสร็จจนได้ คินขับรถมายังสระว่ายน้ำเหมือนเดิมอย่างในทุกวัน มีรถหลายคันมาจอดเกือบเต็มนั่นหมายถึงว่าคนอื่นมาถึงกันแล้ว เดินเข้าไปด้านในสมาชิกร่วมทีมกำลังซ้อมกันเอาเป็นเอาตาย นั่นเพราะเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะถึงการแข่งขันนัดสำคัญ เขาเองก็ต้องตั้งใจซ้อมแล้วเหมือนกัน เดินฮัมเพลงตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับนักกีฬา
“อารมณ์ดีมาจากไหน” แต่แล้วเสียงทักจากอีกหนึ่งคนในห้องทำคินชะงัก
พอหันไปมองแล้วพบว่าอีกคนดันกำลังถอดเปลี่ยนกางเกงอยู่อีก...
“แอบหื่นหรอมึง” ภูถามกลับมานั่นทำคินต้องชักสีหน้าแล้วรีบส่ายหัวไปเป็นคำตอบ
“ไม่ได้ตั้งใจจะมองซักหน่อย”
“อ้าวหรอ นึกว่าอยากมอง”
“ไม่ได้อยากมอง”
“งั้นถ้าอยากมองเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ให้ดูฟรีไม่คิดเงินหรอก” คินถึงขั้นจ้องอีกคนนิ่งเมื่อภูพูดจาทะลึ่งอีกแล้วส่วนคนนิสัยเสียดันหัวเราะกลับมา ท่าทางน่าหมั่นไส้เสียจนคินต้องชักสีหน้าใส่อีกครั้งและภูที่เปลี่ยนใส่ชุดว่ายน้ำเรียบร้อยแล้วก็เพียงจะเดินออกจากห้องแต่งตัว แต่ในช่วงที่เดินผ่านกัน
ใครอีกคนดันเอื้อมมือมาใช้นิ้วดีดหน้าผากของคินด้วยแรงที่ไม่ได้แรงมากนัก
แล้วแถมยังมาพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆตามสไตล์ของอีกคน เจอแบบนี้เด็กหนุ่มถึงขั้นยืนนิ่ง
...พักนี้ไอ้พี่ภูชอบทำตัวแปลกๆใส่อยู่เรื่อย แต่ว่าก็ดีนะ ดีกว่าทะเลาะกัน...
คินเดินกลับมายังสระว่ายน้ำที่คนอื่นกำลังตั้งใจซ้อมกันอยู่ เมื่อลงสระได้ดเกหนุ่มก็สนใจอยู่แต่กับการซ้อมเช่นเดียวกับภูเหมือนกัน พวกเขาแทบไม่ได้วอกแวกหรือสนใจสิ่งอื่นเลย ต่างคนต่างอยู่กับตัวเอง มีเพียงพื้นใต้น้ำและขอบสระอีกฝั่งเท่านั้นที่ควรจะมองเห็นได้ นานหลายชั่วโมงเหมือนอย่างในทุกวัน ถึงเวลาเลิกซ้อมต้องนั่งฟังโค๊ชพูดคุยด้วยก่อน รู้ตัวอีกทีก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว คินยังคงทำอะไรช้ากว่าคนอื่นเป็นปกติ แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันก็เพราะตอนที่เดินออกมาจากอาคารมีใครบางคนที่ยืนรออยู่ ก็วันนี้มีนัดไง...
“ทำอะไรอยู่โคตรช้าเลย”
“ก็อาบน้ำไงครับ”
“โคตรนาน” ภูกำลังบ่นแต่ท่าทางก็ไมได้ดูหงุดหงิดอะไร
“ไปไหนดี” ก่อนที่ภูจะถามมาอีก
“อ้าว ก็พี่บอกว่าอยากกินบิงซูไม่ใช่หรอครับ”
“แต่ถ้ามึงอยากกินอย่างอื่นก็ได้ไง”
“ไม่มีอ่ะ บิงซูนั่นแหละ” ภูพยักหน้ารับเมื่อคินย้ำว่าจะไปที่ไหน เดินมาด้วยกันจนถึงจุดที่รถจอดอยู่ ภูขึ่นคร่อมรถของตัวเองตามปกติแต่เจ้าเด็กตัวขาวดันเดินย้อนมาหาเขาอีกรอบเสียอย่างงั้น
“เอารถพี่ไปไว้ที่ห้องพี่ก่อนไหม แล้วก็ไปรถผม”
“ทำไม?”
“ก็ไปด้วยกันแต่ไปรถคนละคันแล้วมันยังไงไม่รู้” ก็จริงตามที่คินพูดเพราะงั้นภูเลยพยักหน้ารับไป คนอายุน้อยกว่าเดินกลับไปที่รถของตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่จะขับตามรถของภูที่ขับนำอยู่เบื้องหน้า มาถึงที่พักของภูคินเพียงจอดรออยู่ที่หน้าซอยเพราะถาเอารถเข้าไปมันจะค่อนข้างออกยากนิดหน่อย เพียงไม่นานเท่าไหร่อีกคนก็เดินออกมา
..ปึก.. ก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งในรถของเขา
“ไปร้านไหนกันดีที่ตอนนี้ยังเปิดอยู่อะ” คินถามขึ้นพร้อมการขับรถออกมาแบบยังไม่มีจุดหมาย
“แถวxxxไง เปิดดึกจะตายตรงนั้นอะ” เมื่อได้ยินที่ภูพูดเด็กหนุ่มพยักหน้ารับ นั่งรถออกมาด้วยกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเพราะเปิดเพลงคลอตลอดทาง มาจนถึงร้านต่างคนก็ต่างลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านใน คนเยอะพอสมควรเลยแถมเอาเข้าจริงคินยอมรับว่ารู้สึกแปลกนิดหน่อยที่มาทานอะไรแบบนี้กับภูสองคน
“สวัสดีค่ะมากันกี่ท่านคะ”
“สองคนครับ” ภูตอบไปและสาวเสริฟยิ้มหวานให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]