ตอนที่15
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
หลังจากวันนั้นเมื่อซ้อมเสร็จจากที่เคยต้องรีบกลับบ้านไปนอน หรือไปเที่ยวต่อกับเพื่อน ในตอนนี้ชีวิตประจำวันของภูเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าจะต้องไปไหนมาไหนกับคินต่อโดยที่บางครั้งไม่มีจุดหมายแต่ก็ขับรถออกมาด้วยกัน ไม่มีใครสังเกตอะไรด้วยเพราะทุกคนเข้าใจว่าภูกลับบ้านแต่ความจริงคือแค่เอารถไปไว้แล้วไปรถของคินต่อตางหาก เช่นเดียวกับในวันนี้ที่พอซ้อมเสร็จภูชวนคินมาเยี่ยมแม่ของตัวเองก่อนซึ่งอีกคนไมได้ขัดข้องอะไร บ่อยครั้งด้วยซ้ำที่ก่อนจะออกไปเที่ยวด้วยกันต่อคือก็ต้องแวะมาเยี่ยมแม่ของภูก่อน จนในตอนนี้แม่ของภูเอ็นดูคินมากกว่าเดิมเสียอีก
“ถ้าเกิดคุณน้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่เดี๋ยวผมจะพาไปดูนะครับ ที่ร้านพี่เขาน่ะดอกไม้เยอะมากเลย” ในตอนนี้คินกำลังนั่งคุยกับหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม หัวข้อที่คุยคือพูดถึงเรื่องร้านขายดอกไม้ที่คินเคยขับผ่านแล้วพบว่ามันน่าสนใจมาก เขาเลยซื้อมาฝากแม่ของภูแล้วปรากฏว่าอีกคนก็ชอบมากด้วย
“อย่างเราไม่น่ามาสนิทกับภูได้เลยนะ นิสัยต่างกันมากเลย”
“อ้าวแม่ นี่ลูกแม่นะ” ภูรีบค้านส่วนคินหัวเราะ แต่นั่งคุยกันต่อเล็กน้อยก็ต้องกลับเพราะถึงหมดเวลาเยี่ยมแล้ว
...แกร๊กกก... พวกเขาเดินออกมาจากห้องแล้วตรงไปยังลานจอดรถ รอบข้างแอบเงียบเพราะดึกมากแล้ว มีรถจอดอยู่ไม่กี่คันเองแถมมืดมากด้วย คินใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเรียนหมอก็จริงแต่ว่ากลัวผีมากนะ ถ้าเกิดเป็นศพแบบเป็นรูปร่างเนี่ยไม่กลัว แค่ถ้าเป็นความมืดที่ให้มาเดาเองว่าจะต้องเจออะไรนี่สิ ถ้าแบบนี้อะเขากลัว
“ถ้ามาคนเดียวผมคงฉี่ราดไปแล้ว” เข้ามานั่งในรถได้คินพูดขึ้น
“หมอประสาอะไร” ส่วนภูบ่นกลับมาโดยที่มือก็กำลังบังคับพวกมาลัยรถ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มซึ่งพวกเขาคงไมได้ไปไหนกันต่อหรอก แต่ก็ใช่ว่าคินจะกลับคอนโดของตัวเองเลยนะ เพราะว่าอยากไปดูหนังที่ห้องของภูต่อ พวกเขาดูเน็ตฟลิกซ์ค้างไว้อยู่แล้วคุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะมาดูต่อให้จบในวันนี้
..พรึ่บ.. ซึ่งเมื่อมาถึงห้องของภู คินก็รีบกระโดดลงบนเตียงแล้วคว้าโน๊ตบุ๊คมากดเปิดซีรี่ที่ตัวเองดูค้างเอาไว้ เหลือแค่ไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ว ทางด้านเจ้าของห้องกำลังเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดที่เหมาะสมกับการนอนก่อนจะเดินไปนอนลงบนเตียงที่อีกคนนอนอยู่แล้วก่อนหน้า ปิดไฟในห้องจนหมดเหลือเพียงแสงสว่างจากหน้าจอโน๊ตบุ๊คเท่านั้น
"ตอนหน้าไอ้ตัวโกงตายเชื่อดิ” ภูพูดขึ้น
“ไม่มีทาง มันไม่ได้ร้ายจนจะต้องตายซักหน่อย” คินที่ชอบตัวร้ายมากกว่าพระเอกกำลังค้าน นอนดูหนังด้วยกันถ้าไม่เถียงกันก็คือจะนอนเงียบๆ มีแค่นี้เท่านั้นจริงๆ ฉากตลกคินหัวเราะซึ่งภูชำเลืองมองอีกคนก่อนจะใช้มือยีหัวของไอ้เด็กข้างกาย
..ครืดดครืดดดด... แต่เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้คินต้องกดหยุดหนังเอาไว้ก่อน
“พี่ไม่รับโทรศัพท์หรอ” ก่อนจะถามภูไปและอีกคนส่ายหน้าเป็นคำตอบ จนที่โทรศัพท์สั่นขึ้นอีกครั้ง
“รับเถอะพี่ภู” จนที่คินพูดมาอีกครั้งทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใครที่โทรมาหาภูแต่ถึงอย่างนั้นภูก็ยอมจะกดรับ
“มีอะไร”
[พ่อมาดูงานที่ต่างประเทศ เอาของฝากอะไรไหม?]
“ไม่อ่ะ แค่นี้นะไม่ว่าง” เพียงเท่านั้นที่ภูกดตัดสายทิ้งและคินมองอีกคนด้วยใบหน้าที่ตกใจ
“พี่ไม่ควรทำแบบนี้กับพ่อพี่นะ”
“นี่กูคุยกับเขาดีที่สุดแล้วนะ”
“ไม่สิ ยังดีได้กว่านี้อีก” คินไม่อยากให้ภูทะเลาะกับพ่อของตัวเอง อย่างน้อยมีพ่อแม่ที่ยังเป็นห่วงก็ดีมากที่สุดแล้วนะ ตัวเขาพ่อแม่เลิกกันไปจนตอนนี้คินยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้รู้เลยว่าพ่อของตัวเองอยู่ไหน ภูเองถึงพ่อแม่จะแยกทางแต่คนทั้งสองก็ยังไม่ได้ทิ้งขว้าง พ่อของภูดูใส่ใจภูมากจะตายไป
“ช่างเถอะดูหนังต่อเถอะ”
“พี่ภู” คินเรียกชื่อของอีกคน
“ขอเวลาซักพักสิวะ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเรื่อยๆแหละ” จนที่ภูพูดคำนี้มาคินถึงได้พยักหน้ารับ กลับมาดูหนังด้วยกันต่อแต่ที่คินรับรู้ได้ก็คือภูดูไม่ค่อยมีความสุขเสียเท่าไหร่ เลยลองที่จะเงยหน้ามองภู ในตอนนี้สายตาของภูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่เต็มไปหมดนั่นทำให้คินเลือกที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวของอีกคน พวกเขามองหน้ากัน
..หมับ.. จนที่ภูตัดสินใจยกโน้ตบุ๊คที่วางคั่นกลางอยู่ให้ไปอยู่ยังฝั่งของขอบเตียง
..หมับ!.. แล้วเปลี่ยนเป็นการใช้แขนรั้งให้คินขยับเข้ามาใกล้ตัวเองแทน ตอนนี้ไม่ได้สนใจดูหนังกันแล้ว...
ภูกำลังกระชับกอด หัวใจของต่างคนก็ต่างเต้นหนัก รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เข้าออกไม่เป็นจังหวะนัก นอกเหนือไปกว่านั้นแล้วคินยังไม่ได้ขัดขืนกับการถูกกอดอีกด้วย
“คืนนี้นอนนี่นะ” เมื่อภูพูดประโยคนี้มาคินก็พยักหน้ารับ
แต่ไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินกันหรอกนะ
ก็แค่ นอนกอดกันเอง...
“ฝันดีนะพี่ภู”
“เออฝันดี” จบแค่นี้กับคืนนี้
ก็ภูน่ะคิดว่าน้องยังเด็ก เขายังไม่ควรทำอะไรแบบนั้นหรอก
แต่อีกความคิดก็คือ ยังอยากเป็นคนยังไม่อยากเป็นหมา...
...............
ถึงแม้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาจะยังคงดูเหมือนพี่น้องที่สนิทกันทั่วไป แต่ถ้าเอาลงลึกแล้วคือมันมีอะไรมกากว่านั้น วันนี้ซ้อมเสร็จเพื่อนในชมรมชวนไปกินข้าวเย็น ตอนแรกภูจะปฏิเสธแต่นึกได้ว่าช่วงนี้ไมได้ไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งชมรมเลย เพราะฉะนั้นเลยตกลงไปแล้วเดินไปกระซิบบอกคินว่าเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปห้องของเขาต่อ
“คิน!!” แต่แล้วในขณะที่กำลังนั่งทานข้าวเย็นอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับเหล่าสมาชิกในชมรม หนึ่งเสียงที่ตะโกนดังเข้ามาเรียกสายตาของเจ้าของชื่อให้ต้องหันไปมอง รวมไปถึงคนอื่นบนโต๊ะด้วย ภาพที่ปรากฏคือหญิงสาวหน้าตาดี เธอเดินทางมาพร้อมครอบครัวแต่เข้ามาทักทายคินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วคินเองก็ยิ้มกว้างกลับไปให้ด้วย
“เฌอ มาได้ไงเนี่ย...ไหนว่าอยู่อิตาลี” คินถามไปด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ ทั้งสองกอดทักทายกันในขณะที่เหล่าชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ต่างมองหน้ากันและกันด้วยแววตาวาววับ ดูก็รู้ว่าสองคนที่กอดกันอยู่ไม่ใช่เพียงเพื่อนกันธรรมดาแน่
“พอดีมีวันหยุดยาวเลยกลับมาหาครอบครัวน่ะ ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอเลยนะเนี่ย”
“.........”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]