ตอนที่4
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
วันนี้วันอาทิตย์ ถือเป็นวันหยุดอย่างสมบูรณ์แบบเพราะโค๊ชอนุญาตให้หยุดซ้อมสำหรับอาทิตย์นี้ได้ หนึ่งกลุ่มวัยรุ่นกำลังเดินถือแก้วชาไข่มุกคนละแก้ว มืออีกข้างล้วงกระเป๋าบ้าง เล่นโทรศัพท์บ้าง ไม่ได้มีเสียงคุยกันมากนักเพราะต่างคนต่างกำลังหันมองข้าวของรอบกาย มีสายตาหลายคู่ที่หันให้ความสนใจแต่แน่นอนว่าก็ไม่ได้แปลกเพราะสูงยาวเข่าดีกันขนาดนี้จะไม่ให้ได้รับความสนใจเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ชีวิตช่วงนี้น่าเบื่อหน่าย ตั้งแต่ที่เลิกกับแฟนภูก็มีแค่เพื่อนเท่านั้นที่เมื่อว่างเมื่อไหร่ก็ต้องอยู่ด้วย อย่างเช่นในวันนี้ที่ว่างกันจนนัดกันออกมาหาเดินห้างสรรพสินค้าเล่น ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเลยแต่คาดว่าคงไม่พ้นดูหนัง
“เห้ยมึงนั่นมันกระเป๋าที่ไอ้น้องคินใช้ป่ะ” เสียงจากเพื่อนซักคนดังและภูหันไปมองตามนิ้วที่ชี้ไป
“เออใช่...โห ใบละหลายหมื่นเลยหรอวะ”
“แม่ง รวยจนแบบไม่น่ามารู้จักพวกเราอะ” พูดกันจบพวกนั้นก็หัวเราะส่วนภูชักสีหน้า ก้มดูดชานมไข่มุกในแก้วพลางหันไปมองร้านแบรนดังที่เพื่อนของเขาต่างพากันตื่นเต้นกับสินค้าภายในนั้น ภูเบื่อ เกลียดพวกคนรวย ดีแต่ขยันซื้อของแพงมาอวดชาวบ้าน ทำตัวสูงส่งยังกับรองเท้าคู่ละเฉียดแสนหรือราคาของตามตัวสามารถพาบินได้อย่างนั้นแหละ
“ตอนแรกพวกมึงยังอยากต่อยมันกับกูอยู่เลย ตอนนี้ไปสนิทอะไรกับมันนัก” ภูสวนขึ้น
“โหก็ตอนนั้นแบบไม่ได้รู้จักนี่หว่า แต่ว่า...น้องมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะไอ้ภู”
“ไม่จริง มันแย่ กูไม่ชอบ”
“หยุดเลยมึงอะ มึงยังต้องไปขอโทษเรื่องที่ว่าน้องมันวันนั้นนะ” โดนตอกกลับมาแบบนี้ภูถึงขั้นไปไม่เป็น ชักสีหน้าใส่ก่อนเดินหนีโดยมีไอ้พวกตัวแสบคอยตามส่งเสียงแซวจากด้านหลัง เดินเล่นกันต่อโดยที่ตอนนี้กำลังมีเสียงคุยกันว่าอยากจะหาหนังดูซักเรื่องเพราะยังไม่อยากจะกลับห้อง ภูไม่ได้ออกความเห็นอะไรอยู่แล้ว ก็บอกว่าวันนี้ว่างเพราะฉะนั้นทั้งวันจะพาไปทำอะไรก็คือไปด้วยได้หมด
“กูอยากดูเรื่องนี้ๆๆน่ารักดี”
“การ์ตูนเนี่ยนะ มึงปัญญาอ่อนปะเนี่ย” เสียงถกเถียงกันดังขึ้นอีกครั้งแต่สุดท้ายก็ต้องตกลงที่จะดูเรื่องนี้เพราะเมื่อถามกลับว่างั้นแล้วจะดูเรื่องอะไรก็คือไม่มีใครตอบได้ เหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าภาพยนตร์จะเริ่มฉายแต่เหล่ากลุ่มชายหนุ่มก็เลือกที่จะนั่งเล่นรอแถวนี้ ซึ่งคนที่โดนมัดมือชกให้จ่ายค่าตั๋วให้คนทั้งหมดก็คือภู
“หน่าเลี้ยงหน่อยนะคุณกัปตัน แค่ไม่กี่บาทเองซื้อให้หมดทุกคนเนี่ย” ภูได้แต่หัวเราะเหอะในลำคอ
แต่ก็นะ
สุดท้ายก็ต้องมายืนต่อคิวซื้อตั๋วให้เหล่าเพื่อนรักทั้งหลาย
“เหลืออีกครึ่งชั่วโมงเลยอะกว่าหนังจะฉาย เราจะนั่งรอกันแถวนี้หรอ” เสียงแรกไม่รู้ใคร
“อืมแปปเดียวเอง เดี๋ยวหาซื้อขนมมากิน” แต่กับเสียงนี้...
“........!” ภูหันกลับไปมองแล้วแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเขาที่ตกใจเพราะทางอีกคนก็ตาโตไปต่างกันเท่าไหร่นัก
ไอ้คิน!
“เอ่อ หวัดดีครับพี่” ยืนเงียบกันอยู่นานจนก็เป็นคินที่ยกมือไหว้ทักทายก่อนตามระดับอายุที่น้อยกว่า ส่วนเมื่อมองไปยังคนที่ยืนถัดไปภูก็นึกได้ว่าไอ้คนตัวเล็กหน้าตาหน้ารักตรงหน้าคือเพื่อนของคินนั้นเอง ที่จริงดูน่ารักเกินกว่าจะมาเป็นเพื่อนกับคนแบบคินนะ ในสิ่งนี้คือที่ภูคิด
"มาดูหนังกันหรอครับ" เสียงนี้ไม่ใช่จากภูแต่กลับดังมาจากธารที่ยืนอยู่
“อืม”
“เรื่องอะไรอะ” ท่าทางก็คือดูออกนะว่าอีกคนถามเพราะแบบไม่อยากให้เป็นเรื่องเดียวกัน
“xxxx” แต่คำตอบที่ได้จากภูทำธารแอบชักสีหน้านิดหน่อย เขายังจำได้ดีนะว่าใครที่ตอนนั้นเตะบอลอัดหน้าเพื่อนสนิทตัวเองตอนที่พวกเขากำลังนั่งอ่านหนังสือกันอะ ธารกำลังส่งสัญญาณว่าเปลี่ยนเรื่องดูกันมั้ยแต่คินส่ายหน้า เพราะถึงยังไงก็คือเสียเงินจองบัตรในเว็บไปแล้ว อีกอย่างโรงตั้งใหญ่คงจะไม่ได้นั่งข้างกันหรอกหน่า
“เดี๋ยวเข้าไปทักพวกพี่เขาก่อนนะ” ส่วนภูก้มมองธารพร้อมบอกประโยคนี้ อย่างน้อยก็เจอรุ่นพี่ที่รู้จัก
“สวัสดีครับพี่ เหมือนยกชมรมมาเลยอะ” คินยกมือไหว้พร้อมเอ่ยแซวต่อ เหล่าพวกรุ่นพี่ร่วมชมรมยิ้มตอบกลับให้ ตื่นเต้นใหญ่ที่มีสมาชิกมาเพิ่มกับการเดินเที่ยวในวันหยุดแบบนี้แถมในตอนแรกที่คินคิดว่าคงจะพาธารไปนั่งแยกที่อื่นก็ไม่ได้แล้วเนื่องเพราะรุ่นพี่ร่วมชมรมต่างบอกเขาว่าให้นั่งด้วยกันนี่แหละ
“คนนี้ธารนะครับ เพื่อนผม” คนถูกแนะนำยกมือไหว้ตามมารยาทแต่ธารยังหน้าบึ้งเพราะจำได้แม่นว่ากลุ่มนี่แหละที่ตอนนั้นจะต่อยคินอะ แล้วพอมาคราวนี้ดันทำเป็นสนิทสนมกับเพื่อนเขาอยู่ได้ มองเลยถัดไปด้านหลังพบว่ามีบางคนกำลังเดินหน้าบึ้งกลับเข้ามา ภูโยนตั๋วที่ยาวกว่าอะไรดีให้เพื่อนก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงยังเก้าอี้ที่ว่าง
“นี่ไอ้ภู เนี่ยเจอน้องมันละ”
“อะไร” ถึงขั้นรีบถามกลับไป
“อ้าวลืมหรอครับว่าจะต้องทำอะไร” สายตาจากทั้งกลุ่มกำลังมองมาและภูชักสีหน้า มองตรงไปยังคินที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก
“เมื่อวานกูขอโทษที่เข้าใจมึงผิด”
“เรื่องอะไรหรอครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]