ตอน ตอนที่8 จาก หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่8 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] ที่เขียนโดย mimi112233 เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่8
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
นั่งดูหนังอยู่ด้วยกันแต่ทั้งห้องมีเพียงเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วจากเหล่าเพื่อนรักของภู คินมีสมทบบ้างเล็กน้อยเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องความรู้ภายในหนังซึ่งเพราะเรียนหมอบวกกับการชอบอ่านหนังสือเลยทำให้เขามีความรู้ทั่วไปค่อนข้างมาก ในขณะที่เจ้าของห้องอย่างภูนั่งเล่นโทรศัพท์แล้วสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียง คินหันมองหลายรอบเหมือนกันเพราะเหมือนภูจะนั่งเล่นเกมเลยนั่งช่อยู่ข้างนอกมาเกือบชั่วโมงแล้ว นี่คืออีกเรื่องที่คินไม่ชอบใจ เพราะเหมือนเหล่ารุ่นพี่ในชมรมจะพากันติดบุหรี่กันแทบจะทุกคนทั้งที่เป็นสิ่งต้องห้าม
“โค๊ชไม่ว่าเรื่องบุหรี่หรอครับ” สุดท้ายคินก็ตัดสินใจถามออกไปโดยที่สายตามองที่ภูซึ่งอยู่ด้านนอก
“ว่าสิ แต่ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดีเขาเลยเหมือนเบื่อๆแล้วมองข้ามไป”
“มันส่งผลต่อการเล่นกีฬามากเลยนะ ทำไมพวกพี่ยังสูบกัน” คราวนี้เสียงของคินจริงจัง
“กูสูบบ้างเวลาไปเที่ยวแต่ไม่ได้ติด มีแต่ไอ้ภูอะที่มันติด” ประโยคนี้เรียกคิ้วของคินให้ขมวดเข้าหากัน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภูเดินเข้ามาในห้องพอดีโดยที่กลิ่นบุหรี่ตามเข้ามาจนคินต้องยกมือปิดจมูก เห็นว่าอีกคนหันมามองเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรและคินก็ไม่สนใจด้วยว่าภูจะคิดยังไงเพราะเขาจงใจทำให้เห็นว่าไม่ชอบเลยนะกับกลิ่นบุหรี่
“ดึกแล้วนอนกันได้แล้วมั้ง พรุ่งนี้ตื่นเช้า” ภูเดินเข้ามาปิดทีวี ให้อารมรืเหมือนพ่อที่กำลังดุลูก
“ขอดูอีกตอนนึงไม่ได้หรอ จะจบและ”
“ไม่” ขนาดแบงค์ส่งเสียงขอร้องแต่ยังได้คำตอบเดิมจนสุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วยอมจะเลิกดูทีวีกัน ถึงเวลานอนแล้วมีการถกเถียงกันนิดหน่อยว่าใครจะนอนห้องไหน แย่งกันจะนอนที่ห้องแม่ของภูเพราะเตียงกว้างกว่าโดยที่ต่างพากันกระโดดขึ้นไปจับจองที่แล้วเรียบร้อย ภูขมวดคิ้วมอง
“สรุปเอาไง ใครจะไปนอนห้องกู”
“ไม่ไป” ต่างคนต่างก็ไม่มีใครยอมกันทั้งที่เบียดกันจนแทบจะตกเตียง
“งั้นก็ตามใจ กูกลับห้องกูละ”
“อ้าวแล้วผมหละครับ” กระทั่งที่เสียงจากคินดังขึ้น เหล่าคนบนเตียงพากันหันมอง
“มึงก็ไปนอนกับไอ้ภูดิ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์มากจนภูยังอดจะหันไปชูนิ้วกลางให้ไม่ได้ คินที่ยังไม่เข้าใจว่าเขาคุยอะไรกันจึงทำได้เพียงยืนมองเท่านั้น มองแบงค์ที่ส่งสายตาวาวับมาให้ภูโดยที่ภูมองแบบเฉือดเชือนกลับไปให้
“กลับไปนอนคอนโดมึงไป” จนที่ภูหันมาพูดประโยคนี้กับคิน
“เห้ยยได้ไง ดึกแล้วไม่ได้ ขับรถกลับอันตราย” แบงค์รีบค้านเช่นเดียวกับคนอื่นที่ต่อว่า เอาซะภูรู้สึกผิดแล้วเนี่ย
“สรุปให้ผมนอนไหนครับ” คินตัดสินใจถามไปอีกรอบ
“ห้องกูไง เดินตามมา” แล้วก็นั่นแหละ ทันทีที่ภูพูดประโยคนี้เสียงแซวจากกลุ่มคนบนเตียงก็ดัง ขนาดเดินออกมาจากห้องแล้วคินยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากเหล่ารุ่นพี่ในชมรมดังตามมาเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน แค่เขานอนห้องเดียวกับภูมีอะไรให้น่าสนใจงั้นหรอ ทั้งที่ในหัวก็คิดแบบนี้
...กึก... แต่พอปิดประตูห้องได้ภาพเมื่อตอนเย็นก็ไหลกลับเข้ามาในสมองของคินอีกครั้ง
หวังว่าภูคงจะไม่แกล้งกันแบบพิเรนอีกนะ
“ถ้าลำบากใจผมนอนโซฟาได้นะครับ” เพราะสีหน้าที่ดูหงุดหงิดของภูทำให้คินพูดไปแบบนี้
“ไม่ต้องอะ ไม่ได้ลำบากใจอะไร”
“งั้น...ผมนอนฝั่งนี้นะ”
“อืม” ได้รับเสียงขานรับมาคินถึงทิ้งตัวนอนลงยังฝั่งที่อยู่ติดกับหน้าต่าง เครื่องปรับอากาศภายในห้องถูกเปิดเย็นมากจนคินต้องแย่งผ้าห่มของภูมาห่มไว้คนเดียวแต่ดูอีกคนไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะนอนเล่นโทรศัพท์แบบไม่ได้มีท่าทางจะหนาวเลย ตอนนี้ไฟในห้องถูกปิดลง มีแสงไฟจากด้านนอกที่สาดเข้ามาพอให้ได้มีแสงสว่างเล็กน้อย
“ผมก็เล่นเกมนี้นะ ขอเล่นด้วยได้ไหมครับ” คินพูดประโยคนี้ขึ้นเมื่อเห็นว่าภูกำลังเล่นเกมอะไรอยู่
“อะไร มึงมีเวลาว่างนั่งเล่นเกมด้วยหรอ”
“ก็ไม่ได้จะต้องอ่านหนังสือทั้งวันซักหน่อย” เถียงกลับไปซึ่งภูเพียงพยักหน้ารับแบบไม่อยากเชื่อ ในตอนนี้คินกำลังกดเข้าเกมเพื่อที่จะได้เล่นด้วยกับอีกคน เพียงไม่นานเท่าไหร่นักก็เป็นเพื่อนกันในเกมเสร็จสรรพ มองมือของภูข้างที่เจ็บพบว่าอีกคนดูเล่นไม่ถนัดเท่าไหร่แต่ยังพอเล่นได้
“พี่ถอดเฝือกวันไหน” เข้าเกมแล้วและกำลังรอหน้าดาวโหลดคินถึงได้มีเวลาถาม
“อีกสองวัน ขอเขาถอดก่อนกำหนดนิดหน่อย”
“ทำไมหละครับ?”
“จะได้ลงซ้อมกับพวกมึงไง ยืนดูเฉยๆแม่งโคตรเอาเปรียบเด็ก” คินกำลังจะอ้าปากพูดต่อแต่ห้องภายในเกมโหลดเสร็จพอดีถึงไม่มีเวลาจะคุยกันต่อแล้วเพราะต้องจริงจังกับการเล่นเกม ชะโงกหน้ามองจอโทรศัพท์ของภูอย่างอยากรู้ว่าอีกคนใช้ปืนอะไร ตอนกระโดดร่มลงมาเครื่องบินกับร่มของภูสวยมาก
“พี่เติมเงินหรอ ชุดก็สวย สกินปืนก็มี”
“นิดหน่อย” ตอนนี้วิ่งหาเก็บของกันอยู่และยังไม่เจอศัตรูเลยมีเวลาพอได้คุยไร้สาระ
“ผมก็เติมหมดไปตั้งเยอะ”
“มึงเติมหมดไปตั้งเยอะแต่อันดับแรงค์มึงอยู่แค่นี้อะนะ?”
“ก็ชอบเจอทีมไม่เก่งไงครับ”
“มึงไม่เก่งเองหรือเปล่า” คินขมวดคิ้วในขณะที่ภูหัวเราะออกมา เรื่องชอบดูถูกเขาเนี่ยภูเก่งเกินใครเลย นอนเล่นเกมด้วยกันโดยที่ต่างคนต่างเงียบเพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับการหาปืนและลูกกระสุน แต่รอยเท้าสีแดงภายในแผนที่ปรากฏซึ่งนั่นหมายความว่ามีศัตรูกำลังวิ่งเข้ามา เริ่มเงียบกันทั้งคู่ คิ้วขมวดสายตาจดจ้องอยู่กับหน้าจอ เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่คินจะหลุดพ่นลมหายใจหงุดหงิด
“พี่ ผมโดนยิงล้มช่วยหน่อย”
“แปป เก็บมันให้หมดก่อน”
“มาช่วยผมก่อนสิเดี๋ยวจะตาย” อีกคนก็กำลังวุ่นวายกับการไล่ฆ่าฝั่งตรงข้ามส่วนอีกคนก็หัวร้อนที่ภูไม่ยอมเข้ามาช่วยรักษากันซักที คินเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อเลือดลดน้อยลงทุกที กว่าภูจะยอมเข้ามาช่วยก็จนเขาแทบจะตายแล้ว
“มึงอ่อนจังวะ” ภูถามมาและคินหันมองหน้าอีกคน
“ก็ไม่ค่อยได้เล่น...” พึมพำตอบไป เล่นด้วยกันต่อแล้วเหตุการณ์เดิมก็วนมาอีกครั้ง ในตอนนี้คินตายแล้วของจริงแต่ยังสามารถดูภูเล่นได้ต่อ ลุ้นมากในตอนที่เหลือแค่ภูและทีมฝั่งตรงข้าม
“จะฆ่ากูยังเร็วไปอีกสิบปี!” ในที่สุดภูตะโกนประโยคนี้ออกมาเมื่อสามารถชิงที่หนึ่งมาได้ คินยิ้มไปกับเขาด้วยเพราะอยู่ทีมเดียวกันซึ่งต่อให้เขาตายแต่ถ้าเพื่อนได้ที่หนึ่งเขาก็จะได้ด้วยเหมือนกัน หันไปมองหน้าของภู
“เล่นอีกรอบนึงไหมครับ”
“เหอะไม่อะ แบกควายชัดๆ” ได้คำตอบนี้มาแถมภูวางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียง แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องนอนแล้วดังนั้นคินถึงได้วางโทรศัพท์ของตัวเองลงเหมือนกัน เป็นความเงียบที่อยู่รอบตัว มีผ้าห่มผืนเดียวแถมตอนนี้เริ่มหนาวจัดจนขนาดภูยังต้องห่มผ้า ต่างคนต่างเงียบ ไม่ได้มีความตื่นเต้นอะไรเพราะก็เหมือนตอนนอนกับเพื่อนผู้ชาย
เพียงไม่นานเท่าไหร่ก็หลับสนิทไปด้วยกันทั้งคู่
แต่ภูนอนดิ้นนะ แถมติดกอดหมอนข้างด้วย ปกตินอนกับเพื่อนก็จะกอดเพื่อนเพราะฉะนั้นคืนนี้...
..หมับ... ก็ต้องเป็นคินนี่แหละที่รับหน้าที่ตรงนั้นไป
................
ลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคยคือสิ่งแรกที่ได้เห็น คินรู้สึกหายใจไม่อิ่มจนต้องก้มมองบริเวณหน้าอกของตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติพาดอยู่ จนได้พบว่ามันคือแขนยาวของคนข้างกายและใบหน้าของภูที่ซุกอยู่ช่วงต้นแขนของเขา เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พยายามจะดันภูออกเพราะเมื่อยตัวมาก
..หมับ!.. แต่สิ่งทีได้รับจากอีกคนดันเป็นการถูกกระชับกอดเสียอย่างงั้น
“พี่ภูผมหนัก ลุกออกไปทีครับ”
“กี่โมงแล้ววะ” ภูยังคงไม่โต้ตอบในสิ่งที่คินพูดออกไปแต่ดันส่งคำถามกลับมาให้
“แปดโมงเช้า” กระนั้นแล้วคินก็ยอมที่จะตอบ จนเหมือนอีกคนจะรู้สึกตัวว่าสมควรที่จะตื่นภูถึงได้เริ่มขยับตัวแล้วเปิดเปลือกตาขึ้น ขยับตัวออกห่างจากคินก่อนกลับไปนอนหงายยังฝั่งเตียงของตัวเองเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เงียบกันอยู่ซักพักเพราะยังสะลึมสะเลอกับความง่วง
“อะไรมึง มีปัญหาอะไร”
“เปล่าครับ” ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ พอเริ่มซ้อมปกติภูต้องเดินติดขอบสนามเพื่อยืนคุมพวกเขา แต่ในรอบนี้อีกคนดันนั่งคุยงุ้งงิ้งอยู่กับแม่สาวหน้าตาดีโดยที่มีเพียงโค๊ชที่คอยดูแลพวกเขา คินเลิกให้ความสนใจตั้งใจซ้อมต่อกระทั่งที่ถึงเวลานั่งพักเขาขึ้นมาบนฝั่ง มองหาโทรศัพท์ก่อนต้องชักสีหน้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมไว้ในกระเป๋า ต้องเดินกลับไปเอาที่ล็อกเกอร์
แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องขายาวชะงัก
เสียงคุยกันเหมือนกระซิบที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ไม่ได้อยากจะแอบฟังหรอกนะแต่มันสุดวิสัยอะ
“แล้วถ้าซ้อมเสร็จจะไปไหนกันต่อหรอคะ”
“ก็คงไปกินข้าว”
“อยากกินข้าวหรืออยากกินน้ำส้มมากกว่าคะ?” คินถึงขั้นกลอกตามองบน ชื่อน้ำส้มแต่นิสัยน้ำแดงเหมือนตัวร้ายมากกว่า
“ตอนนี้พี่ได้พกถุงยางอยู่หรือเปล่า”
“อืม”
“งั้นเราทำกันในนี้ไหมคะ”
…ปังๆๆ!!... เริ่มจะเข้าขั้นน่าเกลียดจนคินต้องลงมือเคาะประตูห้องเก็บของ
“ลืมของไว้ครับขอเข้าไปเอาหน่อย” ตะโกนบอกไปซึ่งเพียงไม่นานนัก
…แกร๊กกก… ประตูห้องถูกเปิดออกโดยหญิงสาว ตอนแรกเธอมีสีหน้าหงุดหงิดจนพอเงยมองแล้วพบว่าเป็นคินดวงตาคู่หวานกลับวาววับ รอยยิ้มยั่วและสายตาเชิญชวน ตอนเดินผ่านมีการใช้ปลายนิ้วไล่แขนของคินด้วย
ให้ตายเถอะ หน้าตาก็โคตรน่ารักแต่นิสัยแบบ
ถ้าจะมีแม่ของลูกคินจะขอไม่ตัดสินคนแค่ภายนอกแน่
แต่เดินเข้าไปภายในห้องชำเลืองมองพบว่าคินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว คินทำเหมือนมองไม่เห็น เดินตรงไปที่ล็อคเกอร์ของตัวเองเพื่อหยิบของที่ต้องการ ขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะของเยอะมากจนรื้อหาโทรศัพท์ไม่เจอ
“หาอะไร” จนเสียงถามจากภูดังขึ้น
“โทรศัพท์” ตอบออกไปและได้ยินเสียงถอนหายใจดังสวนมา ก่อนที่ร่างกายจะรับรู้ถึงเงาที่ทาบหลัง
…หมับ… มองมือของอีกคนที่คว้าโทรศัพท์ที่อยู่ล็อคเกอร์ชั้นล่างก่อนที่ภูจะยื่นให้ คือล็อคเกอร์มันมีสองชั้นแต่คินหาอยู่ชั้นบน ไม่ได้ดูชั้นล่างที่โทรศัพท์ก็วางแหมะอยู่แบบไม่มีอะไรบังเลย หันไปมองคนที่ยืนซ้อนหลัง ภูเพยิดหน้ามาเชิงว่าหาเจอแล้วสินะก่อนที่จะขยับตัวถอยห่างออกไป คินพึมพำขอบคุณ เตรียมจะเดินหนีออกจากห้อง
“มึงมาขัดจนทำกูอารมณ์ค้างนี่จะรับผิดชอบยังไง”
“………” หันไปมองภูแบบหน้าตาตกใจ
“ตอนนี้ไม่มีผู้หญิงแล้ว งั้นกูว่าเราคงต้อง…”
“มือพี่เจ็บข้างเดียวนี่อีกข้างก็ปกติ!ขักว่าวเองสิ้!” คินตะโกนสวนมาเสียงดัง เดินปึงปังออกจากห้องไป
“นิสัยเสีย!!” แถมตะโกนประโยคนี้ทิ้งท้ายไว้ เรียกเสียงหัวเราะลั่นจากคนภายในห้อง ลองแกล้งคินหลายครั้งแล้วก็ได้รู้ว่าตอนที่ทำอีกคนหัวร้อนนี่มันสนุกที่สุดในโลก ตอนเดินออกไปด้านนอกพบว่าคินมองมาด้วยแววตาแข็งกร้าวนั่นยิ่งทำให้ภูยิ้มมุมปากจนโดนเพื่อนสงสัยว่ามีเรื่องอะไรให้ต้องยิ้ม เหล่านักสืบกำลังทำงานหนัก
ในขณะที่คินหน้ายุ่ง แต่ภูกลับดูอารมณ์ดี
เรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรที่นอกเหนือจากหน่อไม้อยู่ในกอไผ่แน่ นักสืบขอยืนยัน
# # # # # # #
งุ้ยยยยยย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]