“ผมไม่ใช่พ่อของเด็กครับ และไม่มีทางจะใช่อย่างแน่นอน”ชายหนุ่มรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“แต่ลูกของฉันคบหาอยู่กับคุณแค่คนเดียวนะ” โสภีกัดปากแน่นที่ไม่สามารถไล่ต้อนให้อีกฝ่ายจนมุมได้
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเธอจะไม่มีวันท้องอย่างเด็ดขาดครับคุณน้า” ปริณสวนกลับด้วยท่าทีขบขัน
“หมายความว่ายังไง” โสภีชักสีหน้า พลางเหลือบไปมองบิดาและมารดาของชายหนุ่ม แล้วแอบงงว่าทำไมทั้งสองถึงไม่เอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมา จนเธอรู้สึกว่าการจะยัดความรับผิดชอบ ใส่มือของผู้กองหนุ่มอนาคตไกลนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ
“คุณท้องได้กี่เดือนแล้วมิ้ง” ปริณหันไปจ้องคนที่บอกว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง
“หะ...หกสัปดาห์ค่ะ” มาริกาตอบไม่เต็มเสียง ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งอย่างเริ่มจะไปไม่ถูก
“ผมไม่ได้ยุ่งกับคุณมาตั้งสี่เดือนแล้ว และอีกอย่างผมก็ป้องกัน ทุกครั้งที่มีอะไรกัน เพราะฉะนั้นเด็กในท้องของคุณไม่มีทางจะเป็นลูกของผมอย่างเด็ดขาด” ปริณประกาศด้วยสีหน้ามั่นใจ
“กรี๊ดดด” มาริกากรีดร้องอย่างอับอาย รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปโดยไม่สนใจจะเรียกร้องอะไรต่อ
“ยายมิ้ง ยายมิ้ง!” โสภีหน้าชาจนไม่กล้าสบตากับใคร จากตอนแรกที่จะมาเรียกร้องความรับผิดชอบ แต่สุดท้ายกลับต้องมาอับอายหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บ
“โส!” ประวิตรทำท่าจะลุกขึ้นตามโสภีที่วิ่งตามบุตรสาวออกไป แต่ก็ต้องตกใจ! เมื่อโดนผู้กองหนุ่มดึงรั้งแขนเอาไว้
“เดี๋ยวครับคุณอา ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่คุยเรื่องสินสอดกันก่อนดีไหมครับ” ปริณฉวยโอกาสมัดมือชกว่าที่พ่อตา
“เอ่อ...” ประวิตรอึกอักเมื่อเหลือบไปมองก็เห็นเจ้าสัวอดิสรและคุณหญิงกมลามองมาเหมือนกำลังรอฟังคำตอบ
“ดิฉันจะไม่ถือสาหาความเรื่องเมื่อครู่นะคะ เพราะฉันเห็นแก่ที่เรากำลังจะเกี่ยวดองกัน” กมลาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน
“ขะ...ขอบคุณครับคุณหญิง” ประวิตรเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ทั้งสองอย่างรู้สึกอายจนทำตัวไม่ถูก
“เอ๊ะ! แล้วนี่หน้าหนูเป็นรอยอะไรจ๊ะอลิซ” กมลาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นรอยแดงจางๆ บนซีกหน้าของหญิงสาว
“อะ...เอ่อ...หนูหกล้มหน้ากระแทกพื้นค่ะคุณแม่” อลิชาบอกพลางก้มหน้าลงมองพื้น
ประวิตรรู้สึกอยากจะวิ่งเอาหน้าไปโขกเสาตายซะให้รู้แล้วรู้รอด ที่เผลอไปทำร้ายบุตรสาว เพราะเข้าใจผิดหลงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นดั่งที่มาริกาและโสภีบอก
“แต่มันเป็นรอยนิ้วนะลูก ตาป้อง! เราทำอะไรน้องหรือเปล่า” กมลาหันมาคาดคั้นบุตรชายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ผมไม่ได้ทำครับ” ปริณบอกพลางชูสามนิ้วขึ้นทำท่าสาบาน
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะคุณแม่” อลิชารีบบอก เพราะรู้จักนิสัยของกมลาดีว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมจบจนกว่าจะได้รู้ถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร
“มีอะไรบอกแม่ได้ทุกเรื่องนะ แม่อยู่ข้างหนูจ้ะ” กมลาดึงหญิงสาวเข้ามากอดปลอบ
“ขอบคุณค่ะ” อลิชารีบยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“ส่วนเราอย่าให้มีเรื่องอย่างวันนี้เกิดขึ้นอีกนะ” กมลาคาดโทษบุตรชายด้วยสีหน้าตึงๆ
“ครับ ผมให้สัญญา” ปริณชูสามนิ้วขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มๆ รู้ดีว่าตอนนี้มารดากำลังเดือดขนาดไหน
“ดี! งั้นเชิญที่ห้องทานอาหารค่ะคุณวิตร” กลมาตอบก่อนจะหันไปชวนคนที่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ
“ครับ” ประวิตรบอก
“เชิญครับ เดี๋ยวพอทานเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณวิตรไปดูเรือนหอของตาป้องกับหนูอลิซที่กำลังตกแต่งครับ” อดิสรแอบขำที่เห็นบุตรชายต้องชูนิ้วสาบานเป็นเด็กๆ ต่อหน้าว่าที่พ่อตา
ปริณเดินเข้าไปจับมือของอลิชา แล้วพากันเดินตามหลังผู้ใหญ่ไปยังห้องอาหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ประวิตรแสร้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจะส่งข้อความบอกให้โสภีกลับไปรอตนที่บ้าน
ยี่สิบนาทีต่อมา... (ที่ห้องทานอาหาร)
“ฉันคิดว่าจะจัดงานแต่งที่โรงแรมมะลิฉัตรแกรนด์ค่ะ คุณวิตรคิดว่ายังไงคะ” กมลาเอ่ยถามหลังจากที่ทานอาหารไปได้สักพัก
ประวิตรละสายตาจากใบหน้าจิ้มลิ้มของบุตรสาวที่ยังคงเหลือร่องรอยของฝ่ามือตนด้วยความรู้สึกผิด ก่อนหันไปตอบ “ผมไม่มีปัญหาครับ”
“ทางผมจะขอดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด” อดิสรบอกพลางยิ้มให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณครับท่าน” ประวิตรทำได้เพียงยิ้มตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อีเดน