“แบบนี้ต้องขอบคุณพี่มิ้งกับน้าอรที่ลากคุณพ่อไปบ้านพี่ป้อง ใช่ไหมคะ” อลิชาเอ่ยหยอกอย่างขำๆ
“ฮ่าๆๆๆ” ปริณหัวเราะหน้าแดงก่ำ ก่อนจะหันมาเอ่ยชวนหลังจากที่จอดรถเสร็จ “พี่ว่าเราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันเถอะจ้ะ พี่หิวจนตาลายแล้ว”
“ค่ะ” อลิชาตอบก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าถือใบเล็ก แล้วเปิดประตูลงจากรถไปพร้อมกับอีกฝ่าย
“น่าจะรอให้พี่เปิดประตูรถให้เรานะ” ปริณท้วง
“เสียเวลาเปล่าๆ ค่ะ” อลิชายิ้มบางๆ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งขึ้นมานิดๆ
“ครั้งหน้าต้องรอให้พี่เปิดประตูให้ โอเค้!” ปริณบอกเสียงจริงจัง
“มันแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เองนะคะ ทำไมต้องซีเรียสด้วย” อลิชาลูบแขนของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน
“ซีเรียสสิ! เพราะสำหรับพี่มันคือการดูแลคนที่เรารักครับ” ปริณบอกเสียงอ่อนลงจากเดิมเมื่อเห็นสาวเจ้าทำหน้าเจื่อนๆ
“ป้อง! อลิซ!” ภูเบสตะโกนเรียกเพื่อนรักเสียงดังอย่างดีใจ เมื่ออยู่ๆ ก็เจอคนที่กำลังอยากขอให้ขึ้นปกนิตยสารเข้าพอดี
“อ้าว! ไปไงมาไงครับเจ้าพ่อสื่อ” ปริณหันไปมองเพื่อนรักยิ้มๆ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน
“แหม! วินาทีนี้คงไม่มีใครดังสู้แกไปได้หรอกครับผู้กอง”
ภูเบสหยอกก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้กับสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อย่างคนคุ้นเคย เพราะเคยเจออลิชาไปหามารียาบ่อยๆ ตอนที่ตนไปสังสรรค์ที่บ้านของปริณ
“สวัสดีค่ะพี่ภู” อลิชารีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับน้องอลิซคนสวย พี่รู้สึกเจ็บเกินกว่าที่จะเอ่ยถ้อยคำอวยพรใดๆ ออกมา แต่เอาเป็นว่าถ้าอนาคตข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ให้น้องอลิซรู้เอาไว้ว่าพี่พร้อมจะดูแลน้องอลิซเสมอนะครับ” เจ้าพ่อสื่อหยอกเย้าคนรักของเพื่อนราวกับต้องการบาทาของอีกฝ่ายมาเจิมบนใบหน้า เพื่อเสริมเป็น สิริมงคลยังไงยังงั้น
“หึ! นี่ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูละก็ กูจะเตะให้หน้าหงายเลยไอ้ภู!” ปริณฉะก่อนจะหันไปมองผู้คนที่อยู่รอบๆ อย่างชั่งใจ
“ฮ่าๆๆ ใจเย็นๆ ครับผู้กอง” ภูเบสหัวเราะชอบใจ หันไปเอ่ยชวนสาวเจ้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ว่าเราเข้าไปทานก๋วยเตี๋ยวข้างในกันเถอะครับ พี่ไม่อยากให้ใครมองน้องอลิซนาน”
“อ้าวๆ แบบนี้กูว่าเตะเลยดีกว่ามั้ง” ปริณทำท่าขึงขัง
“แหม! แหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้เลยนะไอ้ป้อง” ภูเบสมองค้อนเพื่อนรักอย่างนอยด์ๆ
“ไม่ได้! กูหวงโว้ย” ปริณทำหน้าตึงเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักยังคงสนุก ในขณะที่ตนกำลังซีเรียส
“โอเคๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ ว่าแต่น้องอลิซพอจะเมตตาพี่สักนิดได้ไหม” ภูเบสหันไปอ้อนของรักของหวงเพื่อนต่อ
“ระ... เรื่องอะไรเหรอคะ?” อลิชางงกับท่าทางของเจ้าพ่อสื่อคนดัง ที่หันมาจ้องหน้าเธอราวกับกำลังต้องการอะไรบางอย่าง
“พี่อยากจะให้น้องอลิซขึ้นปกนิตยสารของพี่ครับ”
ปริณรีบบอกเจตนาของตนอย่างไม่รอช้า “ไม่-มี-ทาง กูไม่ยอมให้แฟนกูไป...”
“ฟังก่อนสิวะ กูจะให้มึงถ่ายแบบกับน้องอลิซโว้ย” ภูเบสรีบแย้งขึ้นก่อนที่เพื่อนรักจะพ่นไฟหึงหวงออกมาเผาผมที่อยู่บนหัวของเขาให้มอดไหม้ซะก่อน
คนที่กำลังโมโหถามกลับด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม “เมื่อไหร่?”
ภูเบสกลอกตาก่อนจะบอกสถานที่ที่เตรียมเอาไว้ “อาทิตย์หน้า ที่เชียงใหม่”
“อาทิตย์หน้ากูต้องไปเลือกชุดแต่งงาน” ปริณยกไหล่ขึ้นนิดๆ อย่างไม่ยี่หระ
“ได้โปรดเถอะเพื่อน...บริษัทกูกำลังจะเจ๊ง แกมาช่วยดึงยอดขายให้หน่อยสิ” ภูเบสจับมือของเพื่อนรักขึ้นมากอบกุมด้วยสายตาวิงวอน อลิชาแอบขำจนหน้าแดงกับลูกตื๊อของเจ้าพ่อสื่อ
“จะเจ๊งจริงๆ เหรอ งั้นเดี๋ยวกูจะหาคนมาเทกโอเวอร์ให้” ปริณถามย้ำ พร้อมกับสะบัดมือของเพื่อนรักออกด้วยสีหน้ารังเกียจ
“เอ่อ! กูพูดเล่น แต่คิวงานมันได้อาทิตย์หน้าพอดีว่ะ”
“งั้นมึงต้องถามอลิซว่าโอเคไหม ที่จะให้คนอื่นเห็นเรือนร่างอัน เพอร์เฟกต์ของสามีตัวเอง โอ๊ย!” คนที่กำลังอวยตัวเองได้ไม่ทันขาดคำก็ถูกสาวเจ้าหยิกหมับเข้าที่ต้นขา
“ยะ...ยังไม่ใช่สามีสักหน่อย” อลิชาหน้าร้อนผ่าว
“พี่ขอโทษจ้ะ” ปริณกระซิบ รู้สึกผิดนิดๆ เมื่อหันไปมองรอบๆ แล้วก็เห็นหลายๆ คนกำลังจ้องมองมาที่โต๊ะของตน
“น้องอลิซได้โปรดช่วยพี่หน่อยได้ไหมครับ” ภูเบสหันไปอ้อนวอน ว่าที่เจ้าสาวของเพื่อนต่อ
“เอ่อ...อลิซว่าอลิซไม่ได้สวยพอขนาดจะเป็นนางแบบขึ้นปกของพี่ภูหรอกค่ะ” อลิชารู้สึกกลัวนิดๆ กับกระแสต่อต้านของสาวๆ ที่เป็นแฟนคลับของปริณ
ภูเบสยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าที่เจ้าสาวของเพื่อน มีท่าทีไม่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง “ใครว่าไม่สวย น้องอลิซน่ะสวยกว่าดารา-นางแบบทุกคนที่ไอ้ป้องมันเคยคั่วมาเลยครับ”
“ไอ้เชี่ย! ทำไมต้องโยนมาให้กูด้วยวะ?” ปริณละสายตาจากใบหน้าจิ้มลิ้ม แล้วหันไปต่อว่าเพื่อนรักที่โยนความซวยมาให้ตนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ก็กูพูดเรื่องจริงนี่ หรือมึงจะเถียงว่าไม่ใช่”
“กูไม่เถียง” ปริณถลึงตาใส่เพื่อนอย่างคาดโทษ
“เอ่อ...เราสั่งก๋วยเตี๋ยวกันก่อนดีไหมคะ” อลิชาเอ่ยขัดการสนทนาของสองหนุ่มยิ้มๆ เมื่อเห็นลูกค้าคนอื่นๆ เริ่มหันมามอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อีเดน