“สินสอดครับคุณประธีป”
“โอ๊ย! ผมรับไม่ได้หรอกครับท่าน”
“รับไปเถอะครับ ถ้าไม่รับผมเลิกธุรกิจที่ทำด้วยกันนะ” อดิสรบอกทีเล่นทีจริง
“ลูกชายของดิฉันทำผิดต่อหนูรียานะคะท่าน นี่ยังน้อยไปถ้าหากเทียบกับ...” สายธารยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคก็ถูกอดิสรขัดขึ้นเสียก่อน
“ผมกับภรรยาไม่โกรธหรือติดใจอะไรหรอกครับ มันเป็นเรื่องของเด็กๆ รับไว้เถอะนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวผมประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ผ่านสื่อนะ” อดิสรแกล้งว่าพร้อมกับยิ้มให้ทั้งสองที่ทำธุรกิจด้วยกันมานาน
“เอ่อ...” สายธารอึกอักไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาเอ่ยแก้ต่อ
“รับไปเถอะค่ะ” กมลาฉีกยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ถ้ามีเรื่องอะไรให้ดิฉันกับสามีช่วยก็บอกได้เลยะนะคะ” สายธารรับสินสอดมาถือด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ตีกอล์ฟวันเสาร์ เจอกันนะครับคุณประธีป” อดิสรเตือน
“ได้ครับท่าน” ประธีปยิ้มรับบางๆ ก่อนจะลุกขึ้น
“งั้นเราสองคนขอตัวก่อนนะคะ” สายธารกล่าวลาพร้อมกับยกมือไหว้คุณหญิงกมลาและท่านเจ้าสัวอย่างซาบซึ้งใจ พลางคิดไปว่า...หากเป็นครอบครัวอื่น ป่านนี้คงจะสะบั้นความสัมพันธ์กันไปแล้ว
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” มารียากับปริณยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่หันมายิ้มให้ก่อนจะพากันเดินออกไปด้วยท่าทีเศร้าๆ
“เราใจเด็ดกว่าที่พี่คิดเอาไว้ซะอีกนะเนี่ย” ปริณเอ่ยขึ้นหลังจากได้ยินเสียงรถของแขกแล่นออกไป
“แหม! รียานึกว่าพี่ป้องลืมปากทิ้งที่ห้องของอลิซแล้วซะอีก” มารียาแซวกลับอย่างไม่ยอม
“โอเค! งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ พี่หิวจนแสบไส้ไปหมดแล้ว” ปริณชวนเมื่อทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แม้จะแอบข้องใจอยู่นิดๆ ว่าทำไมน้องสาวสุดที่รักถึงไม่มีอาการเสียใจเหมือนสาวคนอื่นๆ ที่ตนเคยเห็น
“แล้วอลิซล่ะคะ” มารียาถามถึงเพื่อนสาวที่ตอนนี้กลายเป็นว่าที่พี่สะใภ้ไปเรียบร้อยแล้ว
“พี่ไปส่งที่ทำงานแล้วก็ตรงมาที่บ้านครับ” ปริณยิ้มตอบขณะเดินตามหลังบิดากับมารดาเข้าไปในห้องทานข้าว
“ได้ข่าวว่าจะเป็นนายแบบขึ้นปกของพี่ภูเหรอคะ” มารียาถามก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่
“จริงเหรอตาป้อง” กมลาถามอย่างสนใจ เพราะตอนที่บุตรชายอายุ 19 ก็มีแต่คนมาทาบทามให้เข้าวงการ แต่ปริณก็ปฏิเสธทุกครั้ง
“เอ่อ...ครับ” ปริณรู้สึกอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคนในครอบครัวต่างมองมายังตนด้วยสายตาแปลกๆ
“แบบนี้แม่ต้องเหมามาสักร้อยเล่มแล้ว จะเก็บเอาไว้ให้หลานๆ ดู คิกๆ” กมลาบอกอย่างอารมณ์ดี
“ต้องฟิตกล้ามแน่นๆ นะป้อง ข่มผู้ชายทั้งประเทศไปเลย” อดิสรบอกพลางยักคิ้วให้บุตรชายอย่างหยอกเย้า
“ครับพ่อ” ปริณตอบยิ้มๆ
“แล้วนี่พี่ป้องจะให้อลิซทำงานต่อไหมคะ หลังจากที่แต่งงานเสร็จแล้ว” มารียาอยากรู้
“ไม่อ่ะ พี่ขี้หึง แล้วก็โมโหร้ายด้วย เราก็รู้”
“แล้วอลิซว่ายังไงคะ”
“พี่ให้ทำงานต่อแค่อีกสองอาทิตย์ก็ออกแล้ว”
“งั้นรียาก็เหงาแย่น่ะสิ” เธอบอกพร้อมกับย่นจมูกนิดๆ อย่างรู้สึกหมั่นไส้คนกำลังอินเลิฟ
“เราก็ลาออกมาเลี้ยงหลานสิ จะได้ไม่เหงา” ปริณหัวเราะเบาๆ เมื่อบิดากับมารดามองมายังตน
“โห... อะไรจะไวไฟขนาดนั้น”
“หึ! ว่าแต่เราเถอะ ไปเที่ยวเชียงใหม่มาเป็นไงบ้าง”
“ก็สนุกดีค่ะ” มารียาตอบก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะกลัวว่าพี่ชายจะเริ่มยิงคำถามเจาะลึกขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้เธอจนแต้ม
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ มารียาก็รีบตีเนียนกลับขึ้นห้องเพื่อจะโทรไปหาอีเดน กลัวว่าอีกฝ่ายจะยังรอสายของเธออยู่ และพอเธอโทรไปหาอีกฝ่ายก็รับทันที
“พระเจ้า ผมนั่งรอคุณโทรกลับอยู่เกือบสองชั่วโมงแน่ะรียา” ปลายสายตัดพ้อ
“ฉันมีแขกมาที่บ้านน่ะค่ะ”
“ใครกัน อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนั่นไปดราม่าที่บ้านคุณ”
“เปล่าค่ะ คนที่มาคือพ่อกับแม่ของพี่ธันต่างหาก”
“เขามาขอให้คุณคืนดีกับหมอนั่นใช่ไหม”
“ก็ไม่เชิงค่ะ”
“แล้วคุณตอบว่ายังไง”
“ก็...ตกลงค่ะ”
“เฮ้!” อีเดนร้องเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“คิกๆๆ ฉันล้อเล่นค่ะ” มารียาหัวเราะชอบใจกับท่าทีของอีกฝ่าย
“ให้ตายสิ! ผมซีเรียสนะรียา” อีเดนบอกอย่างหัวเสียที่ถูกสาวเจ้าหยอกเล่น
“ขอโทษค่ะ” มารียารีบบอก แต่ปลายสายกลับเงียบ ไม่ตอบเหมือนเช่นเคย “คุณยังอยู่ไหม?”
“อยู่” คนที่กำลังงอนหนักเอ่ยสั้นๆ ไอ้ครั้นจะเงียบต่อก็กลัวว่าสาวเจ้าจะตัดสายทิ้ง
“สวัสดีจ้ะ” กมลายกมือรับไหว้คนที่เดินเข้ามาเทกแคร์
“สวัสดีค่ะ” รียายกมือไหว้อีกฝ่ายพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ไปให้อย่างคุ้นเคย
“วันนี้มาดูชุดเครื่องเพชรรับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้จ้ะ” กมลาบอกขณะกวาดสายตามองชุดเครื่องเพชรที่วางโชว์ในตู้อย่างสนใจ
“ว่าที่เจ้าสาวของผู้กองเหรอคะ” พิ้งค์ถามด้วยหัวใจสั่นๆ
“ค่ะ” มารียาตอบแทนมารดาอย่างขำๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเขินอายเวลาเอ่ยถึงพี่ชายของตน
“พิ้งค์รู้สึกยินดีนะคะที่เห็นข่าวงานแต่งของผู้กอง แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเจ็บอย่างที่ไม่เคยเจ็บมาก่อนเลยค่ะคุณหญิง”
“แหม...ขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ?” กมลาหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของสาวเจ้าที่ชอบถามถึงบุตรชายตนบ่อยๆ
“ที่สุดเลยค่ะ และพิ้งค์ก็คิดว่าสาวๆ ทั้งประเทศก็คงเป็นแบบเดียวกัน”
“คิกๆๆ” มารียาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย
“ตกลงเราจะขายเพชรหรือว่าจะนั่งคุยเรื่องตาป้องกันจ๊ะ ฉันจะได้ย้ายไปนั่งที่โซฟาตรงนู้นแทน” กมลาหยอกคนที่ยืนเสนอตัวเป็นว่าที่สะใภ้มานานอย่างขำๆ
“แหม! ขายสิคะ วันนี้มีคอลเลคชั่นใหม่มานำเสนอด้วยค่ะ เพิ่งจะเข้าร้านมาเมื่อวานนี้เอง” พิ้งค์ส่งค้อนวงน้อยๆ ไปให้อย่างเอียงอาย ก่อนจะหยิบกล่องในตู้เซฟด้านล่างขึ้นมาเปิดให้ว่าที่แม่สามีในฝันดู
“ว้าว! ชุดนี้สวยสุดๆ ไปเลยค่ะคุณแม่” มารียาตาโตเมื่อเห็นคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์
“อืม...สวยจริงๆ ด้วย” กมลาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ได้ยินพนักงานบอกว่าคุณหญิงจะเข้ามาที่ร้านวันนี้ พิ้งค์เลยไม่ได้เอาออกมาโชว์ เหมือนชุดอื่นๆ กะจะให้คุณหญิงดูก่อนใครค่ะ”
“ราคาเท่าไหร่จ๊ะ” กมลาถามอย่างไม่รอช้า
“ชุดนี้ราคาห้าสิบล้านบาทค่ะ” พิ้งค์บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“โอเค! งั้นฉันเอาชุดนี้” กมลาบอกพร้อมกับส่งบัตรเครดิตให้
“ขอบคุณนะคะคุณหญิง เดี๋ยวพิ้งค์หิ้วไปส่งให้ถึงบ้านเลยค่ะ” พิ้งค์ยกมือไหว้อย่างดีใจ
“ฝากด้วยนะจ๊ะ” กมลายิ้มเพราะทุกครั้งที่เธอซื้อเครื่องเพชรทางร้านจะให้พนักงานหิ้วไปส่งให้ถึงที่บ้านทุกครั้ง ซึ่งนั่นแปลว่าเธอสามารถไปเดินซื้อของที่ร้านอื่นๆ ต่อได้อย่างสบายใจ
“ขอโทษนะครับ ชุดนี้ราคาเท่าไหร่” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเจอของที่ถูกใจ มารียาหันกลับไปมองตามเสียงก็ตกใจ เมื่อเห็นว่าใครยืนยิ้มอยู่ข้างหลังเธอ
“สวัสดีค่ะคุณอีเดน แหมวันนี้ลมอะไรหอบมาคะ” พิ้งค์ยกมือไหว้เสี่ยใหญ่รูปหล่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับคุณพิ้งค์” อีเดนรับไหว้ก่อนจะเอ่ยทักทายคนที่กำลังเบิกตากว้างอย่างรู้สึกขำๆ “ไงรียา คุณจะไม่แนะนำผมให้รู้จักกับคุณแม่หน่อยเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อีเดน