“เอ่อ...ผู้กองคะ ขอถ่ายรูปกับผู้กองได้ไหมคะ” สาวิตรีเอ่ยขอด้วยสีหน้าแดงก่ำ พลางเหลือบไปมองเพื่อนทั้งสองที่เคยถ่ายรูปกับผู้กองสุดหล่อไปแล้วอย่างไม่เข้าใจ ว่าจะออกมายืนยิ้มเสนอหน้ากับตนทำไม
“ได้ครับ” ปริณส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“งั้นหนูไปทำงานก่อนนะคะ” อลิชากระซิบบอกอย่างเข้าใจ
“ครับ” ปริณยิ้มให้ว่าที่เจ้าสาวอย่างไม่รู้จะทำยังไง ทั้งที่ใจจริงอยากจะเดินไปส่งให้ถึงหน้าลิฟต์
“สวัสดีค่ะน้องอลิซ” กานดากับฟ้ารุ้งเอ่ยทักทายคนที่กำลังเดินผ่าน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” อลิชายกมือไหว้สองสาว ก่อนจะก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ ก็รู้ว่าตัวเองเข้าใกล้คำว่าสายไปมากขนาดไหน จึงรีบเดินแกมวิ่งตรงไปยังลิฟต์
ปริณมองตามคนรักอย่างขำๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้กล้องที่หญิงสาวรอเก็บภาพอยู่ จากนั้นก็เอ่ยขอตัวแล้วขับรถออกไปท่ามกลางสายตาละห้อยของสามสาวที่ยืนโบกมือให้ แม้ว่ารถจะแล่นออกไปจนลับสายตาแล้วก็ตาม
เอี๊ยดดด เสียงเบรกของแอสตันมาร์ตินสีดำเงา ของประธานใหญ่แล่นเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าบริษัท ทำเอาสามสาวที่กำลังเคลิบเคลิ้มถึงกับเบิกตาค้าง แล้วรีบวิ่งกลับไปประจำที่ด้านในเคาน์เตอร์
“ดูท่าบอสจะอารมณ์บ่จอยนะแก” สาวิตรีบอก
“นั่นสิ ขับรถมาเร็วมากๆ เลย” กานดาไหลตามน้ำก่อนจะดึงประตูกระจกเปิดรอท่านประธาน
“อ๊ะ! แต่ทำไมถึงเดินยิ้มแฉ่งมาได้ล่ะ” ฟ้ารุ่งเอ่ยท้วงเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาเดินยิ้มมาแต่ไกล
“เออนั่นสิ! ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็น” กานดาเงยหน้าขึ้นมองตามที่เพื่อนสาวบอก
“อย่างกับคนมีความรักเลยเนอะ” สาวิตรีบอกเมื่อเห็นบอสใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะบอส” สามสาวเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับ” อีเดนฉีกยิ้มให้พนักงานก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์ของผู้บริหาร
“แม่เจ้า! บอสยิ้มให้พวกเราด้วย” กานดาบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“โอ๊ยตายๆ นี่ฉันต้องไปซื้อน้ำแดงมาแก้บนแล้วนะเนี่ย” สาวิตรีบอกอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“แก้บนอะไร” ฟ้ารุ้งถามอย่างสงสัย
“ก็บนว่าอยากเห็นรอยยิ้มของบอสน่ะสิ” สาวิตรีบอกยิ้มๆ
“คิกๆๆ แกไปบนตอนไหนฮะยายสา” กานดาหัวเราะกับคำตอบของเพื่อนสาวที่ชอบทำอะไรเปิ่นๆ
“บนเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เข้าทำงานที่นี่ใหม่ๆ แล้วแก” สาวิตรีบอกพลางกดดูรูปในมือถือที่ถ่ายกับผู้กองหนุ่มอีกครั้ง
“โห...สามปีแล้วนะแก ยังจำได้อีก คิกๆๆ” ฟ้ารุ้งหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจกับท่าทางซื่อๆ ของเพื่อนสาว
“ก็บอสเราอ่ะหล่อแต่ทำหน้าดุตลอดเลย” สาวิตรีให้เหตุผล
“บอสอาจจะยิ้มเวลาที่อยู่กับสาวๆ ก็ได้” กานดาบอกยิ้มๆ
“ไม่มีทาง!” สาวิตรีรีบเถียง
“แกรู้ได้ไง” กานดาถามต่ออย่างสงสัย
“แหม...นอกจากข่าวของผู้กองสุดหล่อแล้ว ฉันก็ตามข่าวของบอสเรานี่แหละ ฉันจำชื่อดารานางแบบที่บอสคั่วได้ทุกคน แถมยังลำดับได้ด้วยนะว่าใครมาก่อนมาหลัง” คนความจำเป็นเลิศบอกด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“แกไปสิงอยู่ใต้เตียงบอสหรือไงกัน” ฟ้ารุ้งอดประชดไม่ได้
“คิกๆๆ” กานดาหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ
“โห...ท่าทางจะว่างกันมากนะครับ” ธนินเอ่ยทักพนักงานสาวที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติจากด้านหลัง
“ก็ไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ แต่ก็แอบพักหน้าจอไปส่องโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส คิกๆๆ” สาวิตรีหัวเราะก่อนจะขยายดูใบหน้าอันหล่อเหลาของ ผู้กองหนุ่มชัดๆ
“อืม...ช่างน่าชื่นชมจริงๆ” ธนินพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจขณะมองรูปในมือถือที่อีกฝ่ายถ่ายกับผู้กองปริณที่เพิ่งจะขับรถออกไปเมื่อครู่
สาวิตรีได้ยินเสียงอีกครั้งก็ตกใจ โยนมือถือในมือทิ้งไปอย่างลืมตัว “ว้าย! คุณธนิน”
“ครับผมเอง” ธนินตอบพร้อมกับจ้องมองคนที่เพิ่งกลับมาทำงานด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ ฉันไม่เกี่ยวนะคะ ขอตัวไปทำงานก่อนค่ะ” กานดารีบวิ่งกลับไปที่เคาน์เตอร์
“ฉันก็ไม่เกี่ยว ขอตัวนะคะ” ฟ้ารุ้งยกมือไหว้ก่อนจะชิ่งหนีคนสนิทของประธานใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นๆ
“ฉะ...ฉันพูดเล่นค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” สาวิตรีบอกก่อนจะวิ่งตามสองสาวไปอย่างไม่รอช้า
“แหม...ขยันกันขึ้นมาทันทีทันใดจนน่าเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลพนักงานดีเด่นแห่งปีเลยนะครับ” ธนินส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังลิฟต์ด้วยความรู้สึกขบขัน กับการสนทนาของพนักงานสาวแผนกต้อนรับ ที่เมื่อครู่บอกว่าจำชื่อของสาวที่ผู้เป็นนายเคยคั่วได้ทุกคน
ชั้นบนสุด หน้าห้องประธานใหญ่
ติ๊ดดด... เสียงของโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของมารียาดังขึ้น หลังจากที่บอสใหญ่เดินเข้าห้องไปได้ไม่ถึงสองนาที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อีเดน