เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี นิยาย บท 6

บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม

เมื่อรู้ว่ามีภัยอันตรายเข้ามาใกล้ พวกเขารีบเก็บของ พากันคลำทางในความมืดไปจากตรงนี้ เพราะเป็นคืนเดือนมืดทุกคนจึงต้องจับมือเดินตามหลังกันไป

“ข้ามองไม่เห็นทางแล้วท่านพ่อท่านแม่ หากก้าวพลาดอาจได้รับบาดเจ็บได้” หวงจื้อเป็นคนนำทางเขาเกิดกลัวขึ้นมา

“เจ้าใหญ่เงียบ ๆ หน่อย ข้าได้ยินเสียงคนตามหลังพวกเรามาแล้ว พวกมันจุดคบเพลิงด้วย รีบไป ๆ” หวงจงเร่งบุตรชาย หลังจากเห็นแสงไฟอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก

ทว่าหวงจื้อกลับไม่กล้าเดินต่อ พวกเขาไม่มีคบเพลิงและข้างหน้าก็ล้วนแต่เป็นป่าเขา

“ท่านพ่อสามีข้ามองไม่เห็นทาง ให้คนอื่นมานำทางเถอะ” จ้าวซื่อรีบดึงแขนสามีมาหลบอยู่ด้านหลังนางเจียง

“เอ๊ะพวกเจ้านี่” นางเจียงไม่พอใจ แต่ไม่กล้าด่าทอบ้านใหญ่ออกมา

หลินลู่ฉีเห็นท่าไม่ดี พวกคนด้านหลังฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นางกระซิบที่หูของหวงชาง “ท่านลุงข้ามองเห็นทาง”

“หือ ฉีฉีเจ้ามองเห็นรึ”

“อื้ม ข้ามองเห็นเจ้าค่ะ” นางมองเห็นจริง ๆ ไม่ได้โกหก และไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมองเห็นทางในความมืดเช่นนี้ได้ ตอนอยู่ในยุคปัจจุบันนางไม่มีความสามารถนี้เลย หรือเพราะยุคปัจจุบันมีไฟฟ้าใช้งานแล้ว

หวงชางลูบศีรษะนางเบา ๆ “ฉีฉีเด็กดีเจ้านำทางได้ให้ทุกคนได้หรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นพวกเราไปอยู่ด้านหน้ากันเถอะ ไปกันทุกคนนี่แหละ” หวงชางรีบจูงมือภรรยากับลูกทั้งสองคน คลำทางไปหามารดาด้านหน้า บอกว่าหลินลู่ฉียังเด็กดวงตาดีมาก สามารถนำทางได้

ยามนี้แม้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ มีคนเสนอตัวรับเคราะห์ด้านหน้าแทน มีหรือพวกเขาจะไม่ยินยอม ลำดับแถวการเดินทางในความมืด จึงเปลี่ยนลำดับกันใหม่ บ้านสามนำหน้า ตามด้วยสองผู้อาวุโสของบ้าน บ้านใหญ่และบ้านรองเป็นลำดับสุดท้าย ทุกคนยังคงจับมือกันท่ามกลางความมืด

“ตรงโน้น ๆ ! พวกมันไปได้ไม่ไกลหรอก !”

เสียงของเหล่าคนแปลกหน้าดังอยู่ใกล้ ๆ ทำเอาทุกคนตัวสั่นพรั่นพรึงกันหมด

“ฉีฉีเด็กดี” หวงชางรีบตบตัวคนบนหลังเบา ๆ

“ท่านลุงเดินตรงไปเลยเจ้าค่ะ !” หลินลู่ฉีรีบบอกทางในทันที

“เลี้ยวซ้ายข้างหน้า”

“ตรงไป...เลี้ยวขวา...”

เสียงของนางดังบอกทางอยู่เป็นระยะ ในตอนแรกคนอื่น ๆ ก็กลัวว่านางจะไม่รู้เรื่อง อาจเอ่ยไปตามประสาเด็กน้อย ทว่าเดินตามที่นางชี้บอกทางนั้น กลับไม่พบอันตรายใด

“ตรงนี้มีก้อนหินเอามือคลำ ๆ แล้วอ้อมไปด้านขวาเล็กน้อย” กระทั่งจุดไหนมีสิ่งกีดขวาง นางก็ยังบอกพวกเขาให้หลบพ้นได้

หวงจงกับนางเจียงไม่กล้าหยุดเดินแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาต้องการให้หวงชางเดินนำหน้าไปจนกระทั่งเช้า ทว่าหลินลู่ฉียังเด็กน้อย นางบอกทางไปได้สักพักใหญ่ ๆ ก็หลับคาหลังของหวงชาง

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าว่าพวกเราพักกันก่อนเถอะ ไม่ได้ยินเสียงของคนพวกนั้นแล้ว คงตามมาไม่ทันหรอก ฉีฉีก็เหนื่อยจนหลับไปแล้ว เกรงว่าเด็ก ๆ ของเราก็คงเหนื่อยเหมือนกัน” หวงชางเป็นห่วงลูก ๆ ของตัวเองด้วย

“นั่นสิท่านแม่หนิงเอ๋อร์เองก็เดินไม่ไหวแล้ว” หลินซื่อถูกบุตรสาวคนเล็กกระตุกข้อมืออยู่บ่อยครั้ง เมื่อได้โอกาสนางจึงรีบเอ่ยสนับสนุนคำพูดของน้องสามี

“เอาเถอะ ๆ พวกเราเดินกันมาเกือบสองชั่วยามแล้ว พักหน่อยก็ดี” นางเจียงเองก็อยากพักแล้ว นางจึงอนุญาตให้ทุกคนหามุมนั่งพักกันได้

“เจ้าสามเจ้าพาเด็กนั่นไปดูต้นทางให้พวกเราที หากได้ยินเสียงพวกมันรีบมาบอกล่ะ”

“ท่านแม่ฉีฉีหลับไปแล้ว”

“หลับก็ปลุกสิ อุตส่าห์ช่วยนางเอาไว้ทำคุณตอบแทนแค่นี้จะเป็นไรไป”

“ขอรับ” หวงชางหันไปเอ่ยกับภรรยาสองสามคำ แล้วเดินกลับไปทางเดิมที่เพิ่งผ่านมา เขารู้ว่าต้องปีนขึ้นต้นไม้เพื่อดูว่า มีคบเพลิงอยู่ในระยะใกล้หรือไม่ แต่เขามองไม่เห็น

“ฉีฉี” จำใจต้องปลุกเด็กน้อยบนหลัง

“ท่านลุง” หลินลู่ฉีหลับไปครู่หนึ่งก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างเด็กน้อยไม่ไหวแล้วจริง ๆ แต่พอได้หลับไปอึดใจหนึ่ง นางก็มีแรงลืมตาขึ้นได้

บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม 1

บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี