บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง
หลินลู่ฉีอยากลงเดินเพื่อให้หวงชางได้เบาหลังบ้าง แต่พอนางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทิ้งระยะห่างจากคนตระกูลหวงเสียแล้ว โทษใครได้ขานางสั้นเกินไปจริง ๆ
“เจ้าอยากเดินนักเป็นอย่างไรล่ะ” หวงจื่อถงจิ้มจมูกเล็ก ๆ ของนาง “มาขี่หลังข้า ให้ท่านพ่อได้พักบ้าง” เขาย่อตัวลงหวังให้น้องสาวตัวน้อยได้ขี่หลัง
หลินลู่ฉีมองดูร่างผอมแห้งของเขาแล้วหนักอึ้งในใจ นางเงยหน้าขึ้นมองหวงชางกับฉินซื่อ
“ให้พี่ชายของเจ้าลองดู ไหวหรือไม่เดี๋ยวก็รู้” หวงชางยิ้มระหว่างมองสบสายตากับเด็กน้อย
เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ไม่ถึงครึ่งลี้หวงจื่อถงก็ไม่ไหวเสียแล้ว เป็นหวงชางที่ต้องแบกหลินลู่ฉีต่อไป ส่วนหวงจื่อเหยานางสามารถเดิน สลับขี่หลังฉินซื่อผู้เป็นมารดาได้
ใช้เวลาสองวันก็ออกจากป่าเขาได้ พวกเขาเห็นกำแพงอำเภอหยางอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ครึ่งวันก็น่าจะเดินทางไปถึง หลินลู่ฉีที่ถูกจับนั่งรถม้ามาที่ชายแดน ตอนนี้กำลังจะไปอำเภอหยางที่อยู่ไม่ห่างจากชายแดนอีก เกรงว่าคงไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยเท่าใดนัก เหตุใดตระกูลหวงถึงเลือกมาที่นี่กันนะ
นางมาเข้าใจเรื่องราว ยามได้ผ่านประตูอำเภอหยางเข้าไปแล้ว นางเจียงมีญาติผู้หนึ่งอยู่ในอำเภอหยางแห่งนี้ เป็นน้องสาวของมารดานาง ชื่อว่าเจียงชุน ถูกเศรษฐีจากอำเภอหยางรับไปเป็นอนุภรรยา
นางเจียงไม่มีบ้านเดิมให้กลับ ทุกคนล้มหายตายจากไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงท่านน้าผู้นี้ ที่ยังพอจะบากหน้ามาขอความช่วยเหลือได้
“ยายเฒ่าเจ้าแน่ใจนะ ว่าท่านน้าชุนผู้นี้จะช่วยเหลือพวกเราได้” หวงจงไม่เคยพบเจอหน้าของเจียงชุนมาก่อน เขาไม่มีความมั่นใจแต่อย่างใด
“ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกตาเฒ่า แต่ว่ายามที่ท่านน้าอยู่บ้านเดิมนั้น นางเอ็นดูข้าเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าหลานสาวคนนี้ลำบาก นางคงไม่นิ่งดูดายหรอก”
นางเจียงไม่เคยเห็นท่านน้าผู้นี้อีกเลย นับจากวันที่เกี้ยวเจ้าสาวถูกหามออกไป นี่เรียกว่าวัดดวงของจริง
หลินลู่ฉีฟังไปก็ท้อแท้ตามไปด้วย ทำอย่างไรได้ไม่มีใครสนใจ ฟังคำพูดของเด็กน้อยหรอก
นางเจียงถามชาวบ้านในอำเภอหยาง ว่ารู้จักเรือนของเศรษฐีหม่าหลิวหยางหรือไม่ เขาเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของอำเภอแห่งนี้ พ่อค้าแผงขายเครื่องประดับสตรี ที่เปิดแผงอยู่ข้างทาง มองคนตระกูลหวงแล้วส่ายหน้าไปมา
“ขอทานอย่างพวกเจ้าจะไปเรือนเศรษฐีหม่าทำไม”
“เพ้ย ๆ ตาสุนัขข้างไหนของเจ้า กล้าดีมาว่าข้าเป็นขอทาน” นางเจียงถลกแขนเสื้อจะเข้าไปสู้กับพ่อค้า หวงจงรีบดึงแขนภรรยาตัวเองเอาไว้
พ่อค้าคว้าไม้กวาดออกมา เตรียมกวาดเศษฝุ่นใส่พวกเขา
“คงจะไปขอทานหน้าบ้านตระกูลหม่าล่ะสิ หน้าไม่อายจริง ๆ พวกลี้ภัยอย่างพวกเจ้า ไม่มาขอทานก็มาสร้างปัญหา ให้คนในอำเภอหยาง รู้เอาไว้ซะว่าคนที่นี่ไม่ต้อนรับ ไสหัวไปเลย !”
“ยายเฒ่าไปก่อนเถอะ ไปถามคนอื่นก็ได้”
หวงจงลากนางเจียงออกไปจาก แผงขายเครื่องประดับสตรี ไม่อย่างนั้นแล้วคงได้กินฝุ่นกันเต็มปาก
คนอื่นในครอบครัวพากันเดินตามหลังสองสามีภรรยาไป หวงชางเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง เขาเข้าไปถามแม่เฒ่าขายโจ๊กที่ดูหน้าตาใจดีด้านข้าง จึงได้รู้ว่าต้องเดินไปอีกสองตรอกด้านหน้า
เมื่อไปถึงหน้าเรือนของเศรษฐีหม่า นางเจียงรีบยืดอกบอกคนเฝ้าประตู ว่านางเป็นญาติของเจียงชุนอนุภรรยาของเศรษฐีหม่า แทนที่นางจะได้รับการต้อนรับประดุจญาติมิตร กลับถูกพวกเขาปิดประตูใส่หน้า พร้อมสาดน้ำไล่อีกต่างหาก
“ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ก็ท่านน้าชุนแต่งมาเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีหม่าจริง ๆ”
นางเจียงตกตะลึงกับคำพูดของคนเฝ้าประตู นางถลาเข้าไปทุบประตูให้พวกเขาเปิด ทว่าด้านในกลับไร้การตอบสนอง นางไม่ยอมแพ้ทุบประตูหนักขึ้นกว่าเดิม เรียกให้คนอื่น ๆ ไปช่วยทุบประตูอีกแรง
คนด้านในทนไม่ไหวอีกต่อไป ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง ทว่ายามนี้คนที่ออกมากลับไม่ใช่คนเฝ้าประตู ดูไปแล้วเหมือนสตรีอาวุโสในเรือน
“หากพวกเจ้ายังทุบประตูบานนี้อยู่อีก ข้าจะให้คนตัดมือของพวกเจ้าทิ้งเสีย !”
คนตระกูลหวงซ่อนมือไว้ด้านหลังกันหมด สตรีนางนี้ดุร้ายเกินไปแล้ว
“ท่านป้า ๆ พวกข้าไม่ได้มาหาเรื่องแต่ใดอย่าง” นางเจียงรีบใช้ไม้อ่อนพลิกแพลงตามสถานการณ์
“ข้าไม่มีญาติเป็นขอทาน” แม่บ้านตระกูลหม่าเบี่ยงตัวหนีนางเจียงอย่างรังเกียจ
นางเจียงสะอึกจนพูดแทบไม่ออก



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี