ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 112

เฉินเสียนเลิกคิ้ว วางตะเกียบลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ก็น่าแปลกใจอยู่นะ เหมยอู่ห่วงเรือนร่างของนางขนาดนั้น มื้ออาหารปกติก็เห็นกินแค่ไม่กี่คำ แต่มื้อดึกกลับกินเยอะขนาดนี้? หรือเป็นเพราะเซียงหลิงกินกับนางด้วยงั้นเหรอ?"

อวี้เยี่ยนส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ไม่น่าจะเป็นไปได้ หม่อมฉันสนิทสนมกับองค์หญิงขนาดนี้ ก็ยังต้องแยกทานเลย นางหลิ่วกับเซียงหลิงก็ยิ่งแล้วใหญ่เลยเพคะ"

"เจ้าคอยสอดส่องหน่อยก็แล้วกัน"

เวลานี้ เซียงหลิงได้นำอาหารไปยังสวนดอกพุดตาน แล้วพูดกับหลิ่วเหมยอู่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ : "นายหญิงเจ้าคะ เมื่อครู่นี้ตอนที่บ่าวไปเอาอาหารที่ห้องครัว บ่าวได้เจอกับอวี้เยี่ยนคนข้างกายขององค์หญิงด้วยเจ้าค่ะ"

หลิ่วเหมยอู่นิ่งไปชั่วขณะ แล้วจึงพูดขึ้นว่า : "แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?"

เซียงหลิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวบอกเพียงว่ามาเอาอาหารให้นายหญิง อวี้เยี่ยนก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บ่าวเองก็นึกไม่ถึงว่าดึกขนาดนี้แล้ว อวี้เยี่ยนยังจะไปที่ห้องครัว"

หลิ่วเหมยอู่พูดขึ้นว่า : "เจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้นหน่อย คราวหน้าก็ระวังอย่าให้เจอ"

เฉินเสียนรู้สึกว่า เรื่องผิดปกตินี้มีอะไรในกอไผ่อย่างแน่นอน

เธอสั่งให้อวี้เยี่ยนไปที่ห้องครัวในเวลาเดียวกันสองวันติด แต่เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น อวี้เยี่ยนจะต้องห้ามปรากฏตัวในห้องครัว ทำได้แค่หลบอยู่ในที่มืดๆ เท่านั้น รอดูว่าเซียงหลิงจะไปที่ห้องครัวหรือเปล่า

อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เซียงหลิงได้ไปที่ห้องครัวทุกคืน

เห็นได้ชัดว่าทุกครั้งที่ไปก็จะระวังตัวเสมอ ก่อนที่จะเข้าห้องครัวก็จะกวาดตามองไปรอบๆ ก่อน เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ก็จะรีบเข้าไปในห้องครัวทันที เมื่อเอาอาหารเสร็จแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว

ปริมาณอาหารที่เซียงหลิงเอาไปทุกครั้ง ไม่ใช่ปริมาณอาหารของหลิ่วเหมยอู่กินคนเดียวอย่าแน่นอน

และหมอที่เข้าออกในสวนดอกพุดตานไม่ใช่หมอที่รักษาให้จวนท่านแม่ทัพเป็นประจำ แต่กลับเป็นหมอที่ไม่คุ้นหน้า

หลายวันมานี้ หมอผู้นี้เข้าออกสวนดอกพุดตานตลอด เฉินเสียนให้อวี้เยี่ยนประคองเธอไปเดินเล่นแถวๆ ที่สวนดอกพุดตาน หาที่นั่งร่มๆ ใกล้ๆ กับสวนดอกพุดตาน

เซียงหลิงเปิดประตูให้หมอเข้าไป หลังจากนั้นก็รีบปิดประตูลงอย่างระมัดระวังทันที

เฉินเสียนรีบชี้ พร้อมพูดกับอวี้เยี่ยนว่า : "ไปเร็ว รีบไปแอบดูตามช่องประตู ว่าหลิ่วเหมยอู่กำลังทำอะไรอยู่"

เพราะว่าประตูของสวนดอกพุดตานปิดลงแล้ว ที่ตรงนี้ก็ไม่น่าจะมีใครคนอื่นแล้ว

อวี้เยี่ยนตามเฉินเสียนมานานพอควร นับวันความกล้าก็ทวีคูณยิ่งขึ้น ลุกขึ้นสีหน้าไม่เปลี่ยน รีบย่องเข้าไปแถวๆ สวนดอกพุดตานทันที

ถึงแม้ว่าประตูเรือนปิดอยู่ แต่อวี้เยี่ยนก็ยังสามารถมองเห็นด้านในผ่านช่องประตู

ผ่านไปครู่หนึ่ง อวี้เยี่ยนก็หมุนตัววิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว นางตรงดิ่งไปนั่งใต้ร่มไม้ข้างๆ เฉินเสียน มองดูหมอแบกกล่องยาเดินออกมาจากสวนดอกพุดตาน

เฉินเสียนที่กำลังพัดวี หัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ไม่เลวนี่ อวี้เยี่ยน นับวันยิ่งมีศักยภาพของโจรเข้าทุกวัน หน้านิ่งไม่ลนลานแม้แต่นิดเดียว"

อวี้เยี่ยนกลอกตามองบน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "องค์หญิงหยุดเย้าหม่อมฉันได้แล้วเพคะ พระองค์ลองทายดูสิว่าหม่อมฉันเห็นอะไร?"

เฉินเสียนเลิกคิ้ว ส่งสัญญาณให้นางพูดต่อ

"หม่อมฉันเห็นหมอกำลังยกกะละมังเลือดออกมาจากห้องของเซียงหลิง เซียงหลิงเองก็ได้ยกกะละมังเลือดตามออกมาด้วย แล้วนำไปเททิ้งที่แปลงดอกไม้กลางเรือน"

เฉินเสียนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ : "เจ้าแน่ใจรึว่าไม่ได้ดูผิด หมอผู้นั้นเดินออกจากห้องของเซียงหลิงไม่ผิดแน่นะ? และกะละมังที่เซียงหลิงยกออกมานั้นเป็นน้ำเลือดจริงๆ?"

อวี้เยี่ยนพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "หม่อมฉันเห็นมันชัดเจนมาก สีเลือดนั้นแดงสด ไม่ใช่ปุ๋ยที่ใช้บำรุงดอกไม้หรอกมั้งเพคะ"

พูดจบ อวี้เยี่ยนจู่ๆ ก็เริ่มลังเลขึ้นมา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : "องค์หญิง นางหลิ่วคงไม่ได้เป็นอีสุกอีใสหรอกมั้งเพคะ โรคอีสุกอีใสเลือดคงจะไม่ไหลเยอะขนาดนี้ หม่อมฉันจำได้ว่าองค์หญิงก็เคยเป็นโรคนี้มาก่อน ขอเพียงแค่ไม่ทำให้ตุ่มน้ำแตก มันก็จะค่อยๆ ดีขึ้น"

เฉินเสียนลูบคางอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบกลับว่าใช่หรือไม่

หมอไปดูไข้ให้หลิ่วเหมยอู่ แต่กลับเดินออกมาจากห้องเซียงหลิง เซียงหลิงได้ไปที่ห้องครัวเอาอาหารมาปริมาณมาก และยังมีเลือด......

แต่ในระหว่างที่ยังไม่กระจ่าง ก็ห้ามมองข้ามบทสรุปไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี