ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 200

เวลารอบๆ ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ปลายจมูกที่ชนกันค่อยๆ สับหลีก ลมหายใจติดขัดและยุ่งเหยิง

เขาหรุบตาต่ำ ในแววตามีแสงประกายรำไร... หากสายตาของเขาคือเครื่องพันธนาการ เขาก็ปรารถนาที่จะกักขังจิตวิญญาณที่อยู่ในก้นบึ้งทั้งหมดของเธอไว้ในนั้น

ภาพจำในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของเฉินเสียนอย่างควบคุมไม่อยู่ ทว่าคราวนี้แตกต่างจากการสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนชายคาบ้านเมื่อคราวก่อน

ลมหายใจของเขามีทั้งแผ่วเบาและหนักหน่วง ไม่ใช่แค่หยุดอยู่เพียงผิวเผิน แต่ยังสำรวจไปทีละขั้นตอน

เฉินเสียนไม่เคยถูกจูบต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้

กกหูของเธอเริ่มร้อนขึ้น ลมหายใจของซูเจ๋อรินรดเข้ามาที่ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเธอ ทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัวและแทบหายใจไม่ออก

เธอทำตัวเหมือนเป็นหญิงสาวที่ไม่ยอมจำนนต่อซูเจ๋อ ตัวของเธอขลุกขลักและแข็งทื่อ พยายามผลักซูเจ๋อออกไปทว่าทำไม่สำเร็จ

ขุนนางทั้งสองสนอกสนใจรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของซูเจ๋อเป็นอย่างมาก คนหนึ่งอยากรู้อยากเห็น คนหนึ่งสนใจสอดส่องความสวยงามตามสัญชาตญาณ

ดังนั้นทั้งสองจึงเข้ามาทักทายและไม่เต็มใจที่จะจากไป

แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าซูเจ๋อจะจูบสตรีผู้นี้ที่ข้างถนนจริงๆ

พวกเขาอยากจะเห็นรูปลักษณ์ของเฉินเสียนชัดๆ แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ หากอยู่ต่อไปรังแต่จะทำให้เสียบรรยากาศ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจากไปพร้อมกับความคับข้องใจ

ทั้งสองมองหน้ากัน ในวันพรุ่งนี้ ชื่อเสียงอันใสสะอาดของบัณฑิตซูคงจะหมดลงไปเป็นแน่แท้

เฉินเสียนรู้สึกว่าเธอกำลังว้าวุ่นจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร เธองุนงงสับสน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูเจ๋อเปิดฟันของเธอออกจากกันได้อย่างไร

บางทีเธออาจจะพลั้งเผลอ และเธอก็พ่ายแพ้จนหมดรูป

ซูเจ๋อรั้งเอวของเธอเข้ามาอีกครั้งและดึงมาไว้แนบชิดลำตัวของเขา

เขากวนเมฆให้เกิดฝนอยู่ในปากของเธอ เฉินเสียนไม่มีทางหนีพ้น ริมฝีปากของเธอคลึงเคล้าอยู่กับริมฝีปากของเขา แม้ว่าจะพยายามหลบหลีกก็ยังหลีกหนีสัมผัสจากลิ้นของเขาไม่พ้น

เธอรู้สึกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง รู้สึกราวกับว่าเท้าของเธอกำลังเหยียบอยู่บนปุยฝ้ายที่อ่อนนุ่ม

เธอพยายามลืมตามองเขาก่อนจะค่อยๆ หรุบตาต่ำลง

ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นซูเจ๋อ

บุรุษที่กำลังจูบเธออย่างลึกซึ้งคือคนแบบที่ปรากฏอยู่ในความคิดของเธอ

ภายหลัง เธอยอมปล่อยให้ตัวเองเอื้อมมือปีนขึ้นไปบนไหล่ของซูเจ๋อ คล้องคอของเขาไว้ เธอเอนกายเข้าไปคลอเคลีย อาศัยการประคับประคองจากเขา

ในอนาคตหลังจากนี้เฉินเสียนมักจะนึกถึงฉากที่เกิดขึ้นในคืนนี้เสมอ เธอกับซูเจ๋อโอบกอดและจูบกันบนถนนใหญ่ท่ามกลางหิมะ ทั้งยังรู้สึกบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางมองเห็นใบหน้าของพวกเขา

มีเพียงพวกเขาที่เห็นใบหน้าของกันและกัน อยู่ใกล้แค่ลมหายใจกั้น

ไม่รู้ว่าขุนนางทั้งสองนั้นจากไปตั้งแต่เมื่อใด

หิมะเริ่มตกอีกครั้ง บรรยากาศโดยรอบเงียบงัน ทันใดนั้นเฉินเสียนก็เห็นว่าผมของซูเจ๋อเปลี่ยนเป็นสีขาว

ความปั่นป่วนของซูเจ๋อค่อยๆ กลับไปสู่ความสงบ เขายังคงจูบเธอ ซูเจ๋อถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งและวนเวียนกลับไปจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ริมฝีปากของเขาแดงก่ำ ลมหายใจสีขาวพ่นออกมาทางจมูก กระแสน้ำที่มืดลึกดั่งยามราตรีในแววตาของเขายังไม่จางหายไป

ทั้งสองมองหน้ากันอยู่เช่นนั้นและหายใจหอบอยู่เนิ่นนาน ต่างสิ้นวิธีที่จะทำให้สงบลง

ริมฝีปากของเฉินเสียนบวมแดง มันทั้งหอมหวานและน่าประทับใจ ความรู้สึกร้อนวูบวาบจากริมฝีปากแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย ซูเจ๋อเหยียดนิ้วออกและเช็ดที่มุมปากของเธออย่างแผ่วเบา

เฉินเสียนถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า “พวกเขาไปแล้วหรือ”

“ไปแล้ว”

“ไม่เป็นไรแล้วหรือ”

“ไม่เป็นไรแล้ว”

เฉินเสียนต้องการออกห่างจากซูเจ๋อเล็กน้อย เธอคลายมือที่คล้องอยู่ที่คอของเขา

ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเพียงแค่การแสดงซึ่งทำเพื่อป้องกันไม่ให้สองคนนั้นเห็นหน้าเธอ แต่เธอก็รู้สึกว่าการอยู่ในสภาพนี้กับซูเจ๋อต่อไปเป็นเรื่องที่อันตราย

เธออยากจะหายใจแรงๆ และอยากจะหนีออกมา

ทว่าแค่ถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว เธอก็พบว่าเท้าของเธอไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ขาทั้งสองข้างของเธออ่อนปวกเปียกและแทบจะไหลลงไป

ซูเจ๋อโน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมาได้ทันเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี