ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 262

ซูเจ๋อลูบที่แขนเสื้อ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำความเคารพขุนนางชั้นผู้ใหญ่เย่เหลียง ทันทีหลังจากนั้นได้เดินตามเฉินเสียนไปที่คุก

ในคุกอุณหภูมิตกฮวบอย่างรวดเร็ว ทั้งชื้นทั้งหนาว เพิ่งจะเข้าไปก็รู้สึกสัมผัสได้เลยว่ามีความหนาวเย็นเข้ามาปะทะหน้า

คุกของที่นี่แต่ละห้องว่างอยู่ สมัยนั้นตอนก่อสร้างไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้ ขังลงโทษบุคคลที่ทำมังกรกริ้วโกรธโดยเฉพาะ

อีกประการหนึ่งด้านล่างนี้หนาวเย็นและชื้น ต่อให้ไม่ใช้ทำเป็นคุกเดิมก็ไม่เหมาะที่จะใช้ชีวิตอยู่

ในยุคสมัยนี้นำใช้มาขังเชลยศึกนักโทษไม่กี่คนก็สะดวกเป็นอย่างมาก

เชลยศึกของต้าฉู่ถูกขังไว้ด้านในสุด

ตอนเดินผ่านทางเดิน เฉินเสียนเห็นหลิ่วเฉียนเฮ้อก็ถูกขังอยู่ในคุกนี้ แต่เธอไม่ได้หยุด เพียงแค่เดินผ่านคุกที่เขาอยู่ไปอย่างเรียบเฉย

ยิ่งเข้าไปด้านใน บรรยากาศด้านในยิ่งชื้นกลิ่นคาวเลือดยิ่งอบอวล

จนตอนที่เฉินเสียนเห็นผู้ที่ถูกขังอยู่ด้านใน รอยเฆี่ยนคราบเลือดที่ตัว ผมยุ่งเป็นกระเซิงหน้าสกปรกนอนหงายอยู่ที่มุม

และก็มีคนคนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ในคุกใกล้ๆกับเขา บนตัวมีรอยเฆี่ยนที่ยังสดใหม่ เฉินเสียนมองดูก็แยกแยะออก ว่าใครคือฉินหรูเหลียง ใครคือจ้าวเทียนฉี

ตั้งแต่วันนั้นแยกลากันที่ประตูเมือง พอมาเจออีกครั้งก็เป็นเช่นนี้แล้ว

สรุปว่าเธอไม่ใช่คนที่ใจแข็งหรอก มองเห็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่เคยเคร่งครัดน่าเกรงขาม วันนี้เร่ร่อนเป็นนักโทษเมืองอื่น ในใจแปรปรวนปั่นป่วนและหดหู่

“อยากเข้าไปดูเขาหรือไม่?”ซูเจ๋อกล่าวถาม

เฉินเสียนกล่าวว่า“ข้าจะเข้าไปดู”

“ได้ ข้าจะรอท่านอยู่ด้านนอกนะ”

เฉินเสียนสั่งผู้คุมให้เปิดประตูคุกออก เสียงกุญแจเหล็กกระทบกันดังขึ้น แสบหูเป็นอย่างมาก

แม้กระทั่งเขายังไร้การเคลื่อนไหวเลย

เฉินเสียนเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน หันกลับไปถามผู้คุมว่า“เหตุใดต้องตีเขาจนเป็นเช่นนี้เล่า?”

ผู้คุมกล่าวว่า“มีคำสั่งจากเบื้องบน ข้าทำตามกิจวัตรประจำวันเท่านั้นเอง”

ผู้คุมน่าจะรู้ว่าบุคคลทั้งสองคนนี้เป็นคนของต้าฉู่ ต้าฉู่เป็นเมืองที่รบแพ้แล้วมาเจรจา ดังนั้นเลยไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจพวกเขา

“เป็นกิจวัตรประจำวัน สามารถที่จะใช้การลงโทษที่โหดเหี้ยมกับเชลยศึกเช่นนี้หรือ?”

ผู้คุมกล่าวขึ้นว่า“เขาสังหารทหารของเย่เหลียงไปเท่าไหร่ ได้รับความทุกข์ยากแค่นี้นับอะไรได้ ชีวิตของท่านแม่ทัพใหญ่ข้ารอที่จะเฆี่ยนตีลงโทษทุกวัน หากว่าเขายอมพูดรูปแบบการจัดเคลื่อนพลการป้องกันของเมืองต้าฉู่สักนิดหนึ่ง ยังช่วยเลี่ยงการตีเฆี่ยนอย่างโหดเหี้ยมเช่นวันนี้ได้ แต่เป็นเวลานานแสนนาน ประโยคเดียวเขาก็ไม่เคยพูดออกมาเลย”

ถึงแม้ว่าผู้คุมจะมีความเคียดแค้น แต่ทว่าจำใจต้องเคารพ “เขาใจเด็ดเดี่ยว เขาไม่กินไม่ดื่มหาเรื่องตาย เพื่อที่จะเก็บชีวิตนี้ไว้ทุกวันยังต้องกรอกให้เขากิน ถึงได้ฝืนใจมีชีวิตจนถึงวันนี้ยังไงเล่า”

ผู้คุมที่รับผิดชอบดูแลฉินหรูเหลียงรู้สึกว่าตีเขาทุกวันก็ไม่เป็นผลเลย เกิดความรำคาญเขาตั้งนานแล้ว

หากว่าเอาเขาคืนให้กลับต้าฉู่ยังสามารถแลกเปลี่ยนคูเมืองได้ ผู้คุมนั้นเฝ้าภาวนาให้รีบรายงานผล

แน่นอนว่าเฉินเสียนรู้ ฉินหรูเหลียงไม่เพียงแต่ใจเด็ดเดี่ยว เขายังดื้อรั้นอย่างมาก

เขาวินิจฉัยคนคนหนึ่งอย่างชัดเจน กำหนดเรื่องหนึ่งอย่างชัดเจน มันยากที่เขาจะสำนึกผิดเสียใจ

แต่ถึงวันนี้ คนที่เขารัก ผู้ที่เขาจงรักภักดีด้วยสามารถที่จะบำรุงขวัญปลอบใจเขาสักนิดหนึ่งหรือไม่?

สักนิดหนึ่งก็ไม่มีเลย

เฉินเสียนยกเท้าก้าวเดินเข้าไป เหยียบหญ้าแห้งทีละก้าวๆ ยืนอยู่ข้างกายเขา มองจากที่สูงลงไปที่ต่ำครู่ใหญ่ๆ และหลังจากนั้นคุกเข่าลงอย่างอ้อยอิ่ง

เธอเอื้อมมือปัดผมยุ่งเหยิงที่อยู่ด้านหน้าเขาออก ปรากฏให้เห็นใบหน้าที่มีคราบเลือดติดบางเบา ยากที่จะดูออกรูปร่างใบหน้าดั้งเดิม

ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เฉินเสียนยังสามารถดูออกได้ นี่ก็คือฉินหรูเหลียง

ริมฝีปากแห้งแตกของเขา ดวงตาสองข้างปิดสนิท

เฉินเสียนตะโกนกล่าวว่า“ฉินหรูเหลียง ข้าคือเฉินเสียน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี