สตรีเจ้าบ้านชี้ไปยังห้องพักของพวกเขา สับเปลี่ยนผ้าห่มใหม่เอี่ยมไว้ในห้องเรียบร้อย หมู่บ้านนี้แร้งแค้นพวกเขาจัดสรรให้ได้เพียงเท่านี้
หลังสตรีเจ้าบ้านกล่าวจบก็ออกไป
เฉินเสียนเอาถ้วยเปล่าเทสุราให้ตัวเอง จากนั้นก็ดื่มหนึ่งอึก
สุรานี้แม้จะธรรมดาทั่วไป หากแต่ให้รสชาติหวานกลมกล่อมไม่เบา
เธอกล่าว "กินเถอะ ข้าหิวแล้ว"
ซูเจ๋อเป็นคนกินน้อย ส่วนมากจะนั่งมองเฉินเสียนกิน
เฉินเสียนอยากเมินเฉยใส่สายตาคู่นั้นเหลือเกิน หากแต่หัวใจกลับไม่รักดีมีแต่ภาพของเขาเต็มไปหมด ไล่เท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จเสียที
ซูเจ๋อเอ่ยเสียงแผ่วเบา "อาเสียน ท่านชิงชังข้าหรือ?"
เฉินเสียนวางตะเกียบ รู้สึกคอแห้ง จึงดื่มสุราไปหนึ่งถ้วย เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน "ข้าชิงชังท่านได้อย่างไร? ถึงแม้จะเกลียดท่านก็ต้องมีเหตุผลไม่ใช่หรือ?"
เธอฝืนหัวเราะต่อไม่ได้แล้ว ไม่อาจแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไป
แววตาเงียบงันของเฉินเสียนยกขึ้นมาหยุดอยู่ตรงใบหน้าซูเจ๋ออย่างสงบจิตสงบใจ เอ่ยว่า "ซูเจ๋อ ท่านไม่คิดอธิบายกับข้าหรือ?"
ซูเจ๋อกล่าว "ท่านไม่ได้ถามกระไร ข้าควรจะอธิบายเยี่ยงใดเล่า"
"ได้ งั้นข้าถามท่าน" เฉินเสียนจ้องเขา พลางเอ่ยทีละถ้อยคำอย่างแจ่มชัด "กองเกียรติยศที่ล้มตายด้วยโรคระบาดกันเป็นแถว เกี่ยวข้องกับท่านหรือไม่?"
ซูเจ๋อใคร่ครวญแล้วตอบว่า "ครั้งนี้พวกเขาไม่ตาย ครั้งหน้าก็ต้องตายเช่นกัน"
คลับคล้ายคลับคลาว่าเฉินเสียนจะรู้คำตอบแล้ว ทว่าเธอไม่เต็มใจ
คงเป็นเพราะเธอใช้วิธีถามไม่ถูก คนพวกนั้นสมควรตาย ตายไปเธอก็ไม่เสียใจ เธอถามเรื่องเป็นตายร้ายดีที่ไม่สำคัญทำไม?
เฉินเสียนกล่าวเสียงแผ่วเบา "แล้วราษฎรในเมืองจิงล่ะ พวกเขาก็สมควรตายหรอกหรือ ชาวบ้านที่นี่อีก พวกเขาก็ควรตายกันหมดหรือ?"
แววตาเย็นยะเยือกของเธอจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น มุมปากยกขึ้นหัวเราะเย้ยหยัน "หากพวกเขารู้ความจริง พวกเขาจะให้อาหารสุราดีแก่พวกเราหรือไม่?"
ซูเจ๋อกล่าว "อะไรคือความจริง"
เฉินเสียนกล่าว "ข้าไม่อยากรู้ว่าอะไรคือความจริง"
"ในเมื่อไม่อยากรู้ งั้นก็ไม่ต้องรู้ ไยท่านถึงถามอีก?"
เฉินเสียนเค้นเสียงลอดผ่านไรฟันของเธอทีละคำ "เพราะท่านคือซูเจ๋อ"
ซูเจ๋อเงยหน้ามองเธอกะทันหัน
เธอกลับไม่มองเขาต่อ
เธอรู้สึกคอแห้ง ดื่มสุราเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ยาที่ซูเจ๋อมาคว้าถ้วยสุราของเธอ ถูกเธอจ้องเขม็งกลับไป "ท่านจุ้นจ้านเรื่องของข้าทุกอย่าง แม้แต่เรื่องกินดื่มของข้า ท่านก็จะจุ้นจ้านด้วยหรือ?"
"อาเสียน ท่านเมาแล้ว"
เฉินเสียนกล่าวเสียงลากยาวว่า "เมาหรือไม่ ข้าย่อมรู้ดีกว่าท่าน ข้าอยากเมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ยามนี้ข้ากลับมีสติกว่าตอนไหนๆ"
เธอคอแห้ง หัวใจก็ห่อเหี่ยว พอไม่อาจเทสุราออกจากไหได้แม้แต่หยดเดียว เฉินเสียนถึงรู้ว่าตัวเองดื่มจนหมดเกลี้ยงเสียแล้ว
เธอวางไหลงเบาๆ ใช้มือดันโต๊ะพาตัวเองลุกขึ้น แล้วหันหลังเดินเข้าห้องนอน เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า "ข้าเพลียแล้ว ท่านค่อยๆกิน"
เฉินเสียนฝืนบังคับตัวเองไม่ให้ไปมองเขา ตอนหันหลังเธอกะพริบตาที่เริ่มแดงขึ้นมา
ซูเจ๋อหน้าซูบผอมซีดเซียว ความเหนื่อยล้าจากหลายๆวันติดต่อกันทำให้สีหน้าเขายิ่งดูโดดเดี่ยวอ้างว้าง
เฉินเสียนเริ่มยืนไม่มั่นคง ต้องจับผนังพยุงตัวเองเดินไปยังห้องนอนทีละก้าว ในที่สุดก็ถึงห้องจนได้ เธอผลักประตูก็เห็นแสงสว่างจากตะเกียงที่จุดไว้ตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...