แต่เจ้าน่องน้อยเหมือนจะไม่ชอบที่ฉินหรูเหลียงโอบอุ้ม เขาเริ่มกระวนกระวายอยู่ในอ้อมกอด กวัดแกว่งมือแล้วถีบขาไปมา
เห็นฉินหรูเหลียงจับเอวเขาแน่นไม่ยอมปล่อยมือ เจ้าน่องน้อยข่มกลั้นเอาไว้ จากนั้นได้สั่นสะท้าน
ฉินหรูเหลียงรู้สึกได้ว่าบนเข่าของเขามีความอุ่นร้อน
เจ้าน่องน้อยฉี่ใส่เขา
เฉินเสียนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฉินหรูเหลียงชะงักงัน และก็ไม่ได้ใส่ใจมาก กล่าวขึ้นเพียงว่า“หากเขาไม่ฉี่ใส่ข้าบ้าง ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นท่านพ่อนั้นมันยาก”
เขาคิดจนกระทั่ง หากเด็กนี่เป็นลูกเขา ก็จะดีมาก
ทั้งสองคนดูเจ้าน่องน้อยเสร็จ เลยออกมาจากพระราชอุทยาน
เฉินเสียนหันกลับมองหลายครา ไม่อยากจะจากไป กลัวว่าหลังจากที่เธอไปแล้ว นางกำนัลจะไม่สามารถดูแลเขาให้ดีได้
เจ้าน่องน้อยแววตาไม่กระพริบเช่นกัน แววตาที่มีความชื้นแทรกซึมมองเฉินเสียนที่เดินจากไปอยู่ตลอด มองเธอที่เดินออกจากประตูห้องและเดินถึงลานด้านหน้า ยิ่งเดินยิ่งไกลออกไป
เจ้าน่องน้อยเศร้าสลดใจ พลิกตัวลงมาจากเตียงเงียบๆ
หากไม่ใช่ว่านางกำนัลรับไว้ได้ทัน เกรงว่าเขาได้หล่นหกคะเมนตีลังกาลงมาแน่
เจ้าน่องน้อยเดินโซซัดโซเซไปด้านหน้า เดินคดเคี้ยวโงนเงน ก็ไม่รู้ว่าแรงดื้อดึงดันนั้นถ่ายทอดมาจากผู้ใดกัน เขาไม่กลัวล้ม ราวกับว่าต้องการที่จะตามเฉินเสียนไป
นางกำนัลปลอบประโลมเขา กล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงจิ้งเสียนไปไกลแล้ว แต่วันพรุ่งนี้จะกลับมาเยี่ยมอีกครั้งนะ”
และก็ไม่รู้ว่าเจ้าน่องน้อยนั้นฟังเข้าใจหรือไม่ ตัวเตี้ยๆของเขายืนอยู่ที่ประตู มือเกาะบานประตู ยืนมองอยู่สักครู่หนึ่ง ทันใดนั้นร้องขึ้นว่า“อ้อแอ้”ออกมา
ราวกับเรียกเฉินเสียน กำลังเรียกท่านแม่
เฉินเสียนชะงักฝีเท้าทันที หันกลับไปมอง
เธอมองเห็นร่างเล็กของเขายืนไม่มั่นคงอยู่ข้างประตู เขามองเธอเดินจากไปตาปริบๆ
เฉินเสียนตาร้านผ่าวโดยฉับพลัน แทบอยากจะกระโจนเข้าหาเขาแล้วกอดไว้
แต่เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เช่นนั้นจะยิ่งตัดใจไม่ลง ตอนนี้เธอยังพาเขาไปด้วยไม่ได้ และยังไม่สามารถอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับเขาได้
เธอทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้เขาปลอดภัย พยายามอย่างเต็มที่ที่จะหาโอกาสช่วยเขาออกมา
เพราะฉะนั้นสายเลือดเดียวกันเลยห่างกันไปเพียงชั่วคราว และเธอเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงชั่วคราว
ครั้นแล้วเฉินเสียนก็ไม่รู้ว่าปลอบประโลมเจ้าน่องน้อย หรือว่าปลอบประโลมตัวเอง น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลกล่าวว่า“เจ้าน่องน้อย ด้านนอกหนาว รีบเข้าไป ต้องเป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟัง ไม่นานแม่จะกลับมาอยู่ข้างกายเจ้านะ”
เจ้าน่องน้อยที่เงียบตลอดมาน้ำลายไหลออกมาแล้วมีเสียงว่า“อ้อแอ้”
เฉินเสียนตัดใจหันกลับแล้วสาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินออกจากพระราชอุทยาน
ระหว่างทางที่ทั้งสองคนออกจากพระราชวัง ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า“ท่านยังปกติดีอยู่หรือไม่?”
“ข้ามิเป็นไร”
“ท่านไม่ได้กลับมานานมาก เจ้าน่องน้อยก็ยังคงอาลัยอาวรณ์กับท่าน”
เฉินเสียนยิ้มอย่างขมขื่น กล่าวว่า“เช่นนั้นข้าควรรู้สึกดีใจหรือว่าเศร้าใจล่ะ”
ออกมาจากประตูพระราชวังแล้ว ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า
“ข้าคิดว่า ไม่อยากให้องค์จักรพรรดิบีบเขาแน่นอย่างนั้น ท่านพยายามแสดงออกมาว่าไม่ได้ใส่ใจเด็กคนนี้สักเท่าไหร่บ้างนะ เช่นนี้องค์จักรพรรดิอาจจะลดละใจความสำคัญลง”
เฉินเสียนกล่าวว่า“ทำเช่นนั้นแล้วสำหรับเจ้าน่องน้อยมันคืออันตรายนะ ในกรณีที่องค์จักรพรรดิพบว่าเจ้าน่องน้อยไม่มีประโยชน์สำหรับพระองค์แล้วล่ะ ยังจะเก็บชีวิตเขาไว้หรือไม่?เก็บเจ้าน่องน้อยไว้สำหรับพระองค์แล้วนั้น เป็นเพียงแค่การเก็บความหายนะ”
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ท่านพูดก็ถูก”
ตอนนี้องค์จักรพรรดิแทบอยากจะสังหารเฉินเสียน จะเลี้ยงลูกชายของเฉินเสียนได้อย่างไรเล่า
ดังนั้นที่เลี้ยงไว้ตอนนี้เป็นเพราะว่ามีประโยชน์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...