ตามกฎหมายของต้าฉู่ ผู้ที่ขายชาติและหันไปพึ่งศัตรู ทั้งยังเป็นอาชญากรที่ถูกเนรเทศจากราชสำนักอยู่ก่อนแล้ว ฐานความผิดจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจักรพรรดิมีพระประสงค์ให้ประหารชีวิต และเลือกวันที่จะประหารโดยใช้ม้าห้าตัวแยกร่างที่ตลาดสด
ฉินหรูเหลียงเป็นผู้รับบัญชาให้ดำเนินการประหารครั้งนี้
หลังจากพักฟื้นไม่กี่วัน อาการบาดเจ็บของหลิ่วเหมยอู่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่นางยังคงไร้เรี่ยวแรง
เมื่อได้ยินว่าพี่ชายแท้ๆ ของตนเองถูกตัดสินประหารโดยใช้ม้าห้าตัวแยกร่าง นางก็ตกใจจนเป็นลม เซียงหลิงคอยปรนนิบัติอยู่นานกว่าจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
พอหลิ่วเหมยอู่ฟื้นขึ้นมาก็พึมพำว่า “ท่านพี่จะตายไม่ได้ ตายไม่ได้... ข้าจะไปขอร้องท่านแม่ทัพ...”
หลิ่วเหมยอู่ดันทุรังลุกจากเตียงและวิ่งไปที่เรือนหลัก แต่น่าเสียดายที่ฉินหรูเหลียงเก็บตัวอยู่หลังประตู
นางตะโกนร้องไห้ฟูมฟายอยู่ด้านนอก “ท่านแม่ทัพได้โปรดยกโทษให้พี่ชายข้าด้วย... เขาเป็นญาติพี่น้องเพียงคนเดียวที่ข้าเหลืออยู่...”
ทว่าไม่มีการตอบรับจากฉินหรูเหลียง หลังจากนั้นหิมะบางๆ ก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า อากาศเริ่มเย็นลงจนเซียงหลิงต้องเข้ามาประคองหลิ่วเหมยอู่และหว่านล้อมว่า “นายหญิงอย่าทำให้ร่างกายบาดเจ็บอีกเลย กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะเจ้าคะ”
ในไม่ช้าหิมะที่ตกลงมาก็ปกคลุมเป็นชั้นบางๆ อยู่ทั่วพื้นและขั้นบันไดที่หน้าประตู
หลิ่วเหมยอู่ไม่ยอมลุกขึ้น หิมะตกลงมาบนกระโปรงและเส้นผมของนาง ทำให้ร่างกายยิ่งดูอ่อนแอลงไปอีก
นางหนาวสั่นอยู่ท่ามกลางหิมะ
นึกถึงตอนที่เฉินเสียนเพิ่งแต่งงานเข้ามาเมื่อสองปีที่แล้วขึ้นมาได้ เธอตัดชุดใหม่ให้ฉินหรูเหลียงและหนาวสั่นอยู่ท่ามกลางหิมะเช่นนี้
ในตอนนั้นฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่กำลังพลอดรักกันหวานซึ้งอยู่ในห้อง ทำเป็นไม่สนใจเฉินเสียน
และตอนนี้ก็ถึงคราวของหลิ่วเหมยอู่ที่ต้องลิ้มรสความรู้สึกนี้ตามลำพัง
อวี้เยี่ยนนำข่าวไปบอกเฉินเสียนและถามว่า “องค์หญิง เราไปดูกันหน่อยไหมเพคะ”
“ตกบ่อไปแล้วยังจะต้องไปซ้ำเติมอีกหรือ ข้าไม่เห็นจะสนใจเลยสักนิด”
เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องความรักความสัมพันธ์ระหว่างหลิ่วเหมยอู่กับฉินหรูเหลียง ถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี จะจัดการกันอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของฉินหรูเหลียง
ในที่สุดหลิ่วเหมยอู่ก็ทนต่อไปไม่ได้และจากไปอย่างเศร้าสลด
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เซียงหลิงเฝ้ามองหลิ่วเหมยอู่ค่อยๆ ซีดเซียวและเหี่ยวเฉาลงด้วยตาของตนเอง เมื่อเห็นท่าทางที่หมดอาลัยตายอยากของนางแล้วก็รู้สึกทนไม่ได้
ถ้าในอดีตนางเคยทำเรื่องชั่วช้าไว้มาก บัดนี้นางก็ได้รับผลกรรมแล้ว
เซียงหลิงกล่าวว่า “ในเมื่อท่านแม่ทัพไม่ยอมพบนายหญิง นายหญิงไปขอร้ององค์หญิงจะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่ตัวสั่นเทิ้มและจ้องมองเซียงหลิงด้วยสายตาที่ดุร้าย “เจ้าว่าอย่างไรนะ จะให้ข้าไปขอร้องนางงั้นหรือ”
เซียงหลิงกล่าวว่า “หากนายหญิงไม่เต็มใจบ่าวก็จะไม่พูดอะไรอีกเจ้าค่ะ เพียงแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของนายหญิงกับท่านแม่ทัพมิได้แน่นแฟ้น ยากที่จะสั่นคลอนท่านแม่ทัพได้ แต่องค์หญิงกับท่านแม่ทัพค่อนข้างใกล้ชิดกัน ถ้าองค์หญิงพูดกับท่านแม่ทัพคำสองคำ...”
หลิ่วเหมยอู่เอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “จะให้ข้าไปขอร้องนางน่ะรึ ไม่มีทางเด็ดขาด!”
เซียงหลิงหว่านล้อมว่า “นายหญิง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังลังเลที่จะผ่อนปรนอีกหรือเจ้าคะ บ่าวเห็นว่าถ้านายหญิงอยากให้ท่านแม่ทัพกลับมาเห็นอกเห็นใจอีกครั้ง ท่านจำเป็นต้องทำให้องค์หญิงทรงอภัยให้ก่อน... หรือนายหญิงอยากให้ท่านแม่ทัพปฏิบัติกับท่านอย่างเย็นชาเช่นนี้ตลอดไปเจ้าคะ”
แน่นอนว่าหลิ่วเหมยอู่ไม่ต้องการเช่นนั้น นางเอ่ยอย่างเกลียดชังว่า “แต่ข้าก้มหัวให้ไม่ได้ ข้าทนเรื่องเช่นนี้ไม่ได้”
“เช่นนั้นนายหญิงยังต้องการขอร้องท่านแม่ทัพให้ไว้ชีวิตพี่ชายของท่านอีกหรือไม่เจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่กำลังต่อสู้กับความเคียดแค้น
เซียงหลิงกล่าวอีกว่า “บ่าวจำต้องเตือนนายหญิงว่า ถ้าท่านจะไปขอร้ององค์หญิงจริงๆ ท่านควรทำอย่างจริงใจ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ท่านแม่ทัพอภัยให้นายหญิง”
ถึงอย่างไรเซียงหลิงก็คอยดูแลหลิ่วเหมยอู่มาเป็นเวลานาน นางไม่ต้องการทำผิดกับเฉินเสียนและไม่ต้องการให้เรื่องของหลิ่วเหมยอู่จบลงอย่างน่าสังเวช
ครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองมันไม่ดีตรงไหน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...