สรุปเนื้อหา บทที่ 454 มาหาถึงหน้าประตูแต่โดยดี – ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว
บท บทที่ 454 มาหาถึงหน้าประตูแต่โดยดี ของ ข้าคือหงส์พันปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เฉินเสียนถามอย่างไม่คิดอะไร "เจ้าลองทาย พรุ่งนี้ใครจะเป็นคนเดินนำคนแรก?"
เจ้าน่องน้อยเอียงคอทำทีว่ากำลังคิด
เฉินเสียนยิ้มออกมาและกล่าวว่า "เสี่ยวเฮอบอกว่า ภายในวังนอกนอกจากองค์ชายที่อายุสิบขวบแล้ว คนที่องค์จักรพรรดิชอบมากที่สุดก็คือองค์ชายห้าของพระสนมฉี"
พระสนมฉีรู้จักพูดโน้มน้าวใจคน พูดโน้มน้าวจนสมเด็จพระราชชนนีมีความสุข สมเด็จพระราชชนนีจึงโปรดปรานองค์ชายห้า และพระสนมฉีก็รู้จักสั่งสอน โดยสั่งสอนให้องค์ชายห้ารู้จักเอาใจคนอื่น ฉะนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ องค์ชายห้ามักรู้จักวางวางตัวและแสดงออกเป็นอย่างดี
เฉินเสียนพูดคุยกระซิบและกล่าวว่า "พรุ่งนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะได้แสดงออกมา องค์ชายใหญ่ยังประชวรอยู่ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่าพรุ่งนี้องค์ชายห้าจะเป็นคนเดินนำหน้าผ่านฝั่งตรงข้าม"
เจ้าน่องน้อยกล่าว "องค์ชายห้า"
"คนที่เคยรังแกเจ้ายังไงล่ะ วันก่อนยังพูดว่าแม่ของเจ้าเป็นบ้า บอกว่าไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนตอนอยู่ที่โรงเรียนไท่ องค์ชายห้าคนนั้นไง" เฉินเสียนทำปากจู๋ "เพราะคำพูดนี้ของเขา แม่จะให้ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกับเขา เจ้าดูสิ พวกเราไม่ต้องไปหาเขา เขาก็มาหาถึงหน้าประตูแต่โดยดี เพียงเตรียมตัวให้พร้อมอย่างเหมาะสมก็มีโอกาสได้ "
เฉินเสียนมือหนึ่งหยิบฟืนก่อไฟและเชือก อีกมือก็คว้ามือของเจ้าน่องน้อยลุกขึ้น "องค์หญิงองค์ชายเหล่านั้นถนัดนักเวลารังแกคนอื่น พอมาเจอกับสัตว์เดรัจฉานเข้า ความกล้าหาญกลับน้อยกว่าเจ้าน่องน้อยมาก แบบนี้เรียกว่าชอบข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า"
เจ้าน่องน้อยเรียนรู้ที่จะพูดตาม "ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า"
"จำไว้นะ ง่ายมากที่จะเอาคืนคนพวกนี้ เจ้าทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวก็ได้แล้ว ครั้งหน้าเขาก็ไม่กล้าเข้ามาตบหัวเจ้า หยิกแก้มเจ้าสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว "
เจ้าน่องน้อยดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ
เฉินเสียนจูงมือเขาออกไปนอกประตู และพาเขาออกไปที่ริมทะเลสาบในตอนที่นางกำนัลต่างพากันหลับใหล
แม่นมซุยหยิบกระดูกที่แอบเก็บไว้เมื่อตอนกลางวันออกมา เฉินเสียนเอากระดูกมาผูกติดไว้กับที่ปลายของเชือก
เจ้าน่องน้อยมองเธอที่กำลังเอาเชือกหย่อนลงไปในน้ำ และถามว่า "ท่านแม่ทำอะไร?"
เฉินเสียนกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่ง "แม่กำลังสอนเจ้าตกปลายังไงล่ะ"
"ตกปลา" เจ้าน่องน้อยพูดตามอีกครั้งหนึ่ง
"แต่ว่าพวกเราไม่ได้ตกปลาธรรมดากันนะ พวกเราตกจระเข้"
มีเงาของจระเข้อยู่ริมทะเลสาบ ทันทีที่เนื้อของเฉินเสียนถูกหย่อนลงไป ก็ทำให้มันตื่นขึ้น
จระเข้ตัวหนึ่งลอยตัวอยู่บนผิวน้ำอย่างสงบ และเชือกของเฉินเสียนก็อยู่สูงจากระดับน้ำพอสมควร จระเข้ตัวนั้นจับจ้องไปที่กระดูกที่ผูกติดอยู่กับเชือกนั้น หลังจากนั้นมันก็กระโดดขึ้นเหนือน้ำและอ้าปากที่กว้างยาวเพื่อกินกระดูก
ในขณะที่จระเข้ตกลงไปในน้ำอีกครั้ง ปมบนเชือกก็ยึดเข้ากับฟันที่แหลมคมของมัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินเสียนจึงดึงเชือกขึ้นทันที
จระเข้ที่ติดอยู่นั้นตัวไม่ใหญ่มาก เธอกับแม่นมซุยสามารถดึงมันขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้แรงและความพยายามมากนัก
เฉินเสียนพูดขณะที่กำลังดึงเชือกไว้ "เมื่อสัตว์กินเนื้ออย่างจระเข้ เมื่อกัดเหยื่อได้มันก็ยากที่จะปล่อยไป"
ไม่นาน จระเข้ก็ถูกดึงขึ้นฝั่ง พฤติกรรมที่อันตรายเช่นนี้ หากให้คนในวังใครสักคนเห็นเข้า คงต้องร้องไห้หาพ่อหาแม่กันแน่ ๆ
ปากของจระเข้ถูกล็อกไว้ ไม่สามารถเปิดได้ และมันกำลังนอนเปียกอยู่บนพื้น เจ้าน่องน้อยเคยให้อาหารพวกมันเป็นเวลานานก็ไม่รู้สึกกลัว กลับยื่นมือออกไปเพื่อลูบไปที่ลำตัวขรุขระบนผิวหนังของมัน
และเป็นเพราะจระเข้ตัวนี้ไม่ได้มีจิตใจที่ระมัดระวังสองแม่ลูกคู่นี้ จึงทำให้เฉินเสียนจัดการมันได้อย่างง่าย
เฉินเสียนกล่าว "มัดมันไว้แบบนี้ก่อน รอให้พรุ่งนี้ใช้งานมันเสร็จค่อยปล่อยมันกลับไปที่เดิม"
ใบหน้าขององค์ชายห้าซีดเซียว และจระเข้ก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา องครักษ์ตกใจเมื่อเห็นเข้า จึงชักมีดออกมาและฟันลงไปที่จระเข้
แต่หลังของจระเข้กลับแข็ง จนแทบทำอะไรมันไม่ได้
องค์ชายห้ากลัวจนแทบยืนไม่ไหว ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลง จนล้มลงไปกองกับพื้น
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เหมือนเด็กอายุสองสามขวบที่ร้องไห้อย่างหนักด้วยความหวาดกลัว อาเจียนน้ำนมออกมา และเป้ากางเกงก็เปียกไปหมด
หลังจากนั้นเจ้าน่องน้อยก็เดินมาจากสะพานไม้อย่างช้า ๆ ภายใต้สายตาขององครักษ์ที่ไม่อาจใช้มีดดาบเพื่อหยุดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้ เขาย่อตัวลงและคว้าไปที่หางของจระเข้ และหันหลังลากมันกลับเข้าไป
ในความเป็นจริง จระเข้มาถึงฝั่งตรงข้ามในเวลานี้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นและหนาว แรงในการโจมตีของมันลดลงอย่างมากและการเคลื่อนไหวของมันก็ช้าลงมาก มันไม่สามารถอยู่กลางหิมะที่ฝั่งตรงข้ามได้นาน
เจ้าน่องน้อยลากมันด้วยความลำบากแต่ก็พยายามอย่างถึงที่สุด ร่างเล็ก ๆ ของเขาเดินไปบนสะพานไม้ ทำให้คนที่เห็นต่างพากันพูดไม่ออก
องค์ชายห้าตกใจจนร่างกายอ่อนแรง และในไม่ช้าความตกใจกลัวจนอึแตกฉี่แตกของเขาก็ถูกพูดถึงไปทั่วในวังหลวง องค์ชายห้าจากที่เคยเป็นเด็กที่ฉลาดและกล้าหาญที่สุด กลับกลายเป็นคนที่ขี้ขลาดและอ่อนแอที่สุด
เจ้าน่องน้อยจับจระเข้ด้วยมือเปล่า อีกทั้งไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ กล้าดียังไงถึงทำเรื่องแบบนี้
สีหน้าขององค์จักรพรรดินั้นซีดเซียว กงกงคนใกล้ชิดกล่าว "เด็กคนนั้นอาจได้รับการถ่ายทอดจิตวิญญาณความกล้าของเสือจากท่านแม่ทัพใหญ่คนก่อน เลยทำให้ไม่มีความคิดและไร้ยางอายเช่นนี้ ตอนนี้เขาอายุยังน้อย ควรที่จะควบคุมเขาให้ดี"
ก่อนหน้านี้ราชครูแห่งโรงเรียนไท่ก็ส่งหนังสือทูลเกล้าฯ ขึ้นมาขอให้องค์จักรพรรดิอนุญาตให้เจ้าน่องน้อยเข้าไปร่ำเรียนวิชาที่โรงเรียนไท่ เพื่อรวบรวมหัวใจและจิตวิญญาณของเขาให้ใจเย็น บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เดิมทีองค์จักรพรรดิคิดเพียงแค่ว่าเจ้าน่องน้อยเป็นลูกชายของเฉินเสียน และซูเจ๋อก็สอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนไท่ กลัวว่าจะทำให้พวกเขาทั้งสองจะสมรู้ร่วมคิดกัน ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นด้วย
แต่ตอนนี้ เจ้าน่องน้อยไม่เพียงแต่รบกวนพระตำหนักไท่เหอจนทำให้เป็นสงบสุขเท่านั้น แต่ยังรบกวนองค์ชายและองค์หญิงทั้งหลายให้ไม่ได้รับความสงบสุขไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...