สรุปเนื้อหา บทที่ 483 เจ้าคนเลว เจ้าไม่ต้องการให้ข้าเป็นสุข! – ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว
บท บทที่ 483 เจ้าคนเลว เจ้าไม่ต้องการให้ข้าเป็นสุข! ของ ข้าคือหงส์พันปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ช่วงสองสามวันมานี้ ผู้คนในวังหลังต่างพากันตื่นตระหนก ไม่ง่ายนักที่ทุกคนจะส่งเสียงร้องเป็นเสียงเดียวกัน คือต้องการให้ขับไล่เฉินเสียนออกจากพระตำหนักไท่เหอ
การอยู่หรือไปของเฉินเสียน ไม่ได้มีผลกระทบต่อองค์จักรพรรดินีเท่าไรนัก และเพราะเหตุนี้องค์จักรพรรดินีจึงต้องทำตามเสียงเรียกร้องของผู้คนส่วนใหญ่ เสด็จไปพบองค์จักรพรรดิเพื่อพูดถึงเรื่องนี้
องค์จักรพรรดินีตรัส "ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นถึงองค์จักรพรรดินี ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการความเรียบร้อยต่าง ๆ ในวังหลัง องค์หญิงจิ้งเสียนไม่ได้เป็นคนของวังหลัง ก็ไม่ควรที่จะประทับพักอาศัยอยู่ในวังหลวงเป็นเวลานาน ซึ่งไม่ถูกกฎระเบียบ หม่อมฉันได้ยินมาว่าภูเขาลู่ การขึ้นไปเป็นเรื่องง่าย แต่การจะลงเขามาได้เป็นเรื่องยากลำบาก สำหรับนางแล้วนับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมมากเพคะ"
องค์จักรพรรดิเรียกเฮ่อโยวให้เข้ามาหา และตรัสถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "พระที่วัดฮู่กั๋วนี่ยังไงกัน! ทำไมพอมาถึงก็เพ่งเล็งไปที่เฉินเสียน!"
มหาปุโรหิตเข้ามาวังหลวงเพียงแค่ครั้งเดียว แต่กลับโยนความผิดมาให้เฉินเสียน ยิ่งทำให้คนขี้สงสัยอย่างองค์จักรพรรดิอดคิดไม่ได้
สีหน้าของเฮ่อโยวดูว่างเปล่าและตื่นตระหนก พร้อมกับกล่าวว่า "ฝ่าบาททรงพระปรีชา เมื่อครั้งที่หม่อมฉันไปที่ภูเขาลู่ มีกงกงคอยติดตาม หม่อมฉันไม่ได้พูดเรื่องที่เกี่ยวกับองค์หญิงจิ้งเสียนเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนเรื่องที่มหาปุโรหิตพูดขึ้นให้ตกใจนั้น หม่อมฉันไม่ได้รับรู้เลยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ"
ก่อนหน้านี้ เฮ่อโยวก็ไม่เคยไปที่วัดฮู่กั๋ว เมื่อครั้งที่ไปวัดฮู่กั๋ว ก็ยังต้องสอบถามเส้นทางกับชาวบ้านตามตีนเขา ถึงจะรู้เส้นทางในการขึ้นภูเขาไปได้
เรื่องของเฉินเสียนคนเดียว องค์จักรพรรดิจึงไม่อาจเพิกเฉยต่อสุขภาพและพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชชนนีได้ สองสามวันมานี้ก็ได้แต่คิดเรื่องนี้ และตรัสถามว่า "งั้นเจ้าคิดว่า ที่ตั้งของภูเขาลู่เป็นอย่างไรบ้าง?"
เฮ่อโยวกล่าว "ในภูเขาอันตราย หิมะตกหนักปิดขวางทาง อากาศหนาวเหน็บ ในช่วงฤดูนี้ การขึ้นเขาลงเขาเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อเห็นองค์จักรพรรดิส่งเสียงครวญครางเงียบ ๆ เฮ่อโยวจึงพูดอีกว่า "หม่อมฉันมีความเห็นเห็น ไม่ทราบว่าควรไม่ควรพูดออกมาพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าพูดมา"
"หม่อมฉันเห็นว่า ไม่เหมาะที่จะกักขังองค์หญิงจิ้งเสียนและพระโอรสของพระองค์ให้อยู่ด้วยกัน ควรจะให้พวกเขาแยกกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ"
องค์จักรพรรดิรอให้เขาเล่าต่อ เขาก็กล่าวต่อว่า "ตอนนี้พระโอรสขององค์หญิงจิ้งเสียนยังเล็กอยู่ สามารถสั่งสอนได้ง่าย จะเป็นการดีที่ไม่ให้เขาได้รับอิทธิพลจากองค์หญิงจิ้งเสียน
อีกทั้งหากให้องค์หญิงจิ้งเสียนและพระโอรสอยู่ด้วยกัน ทำให้องค์หญิงจิ้งเสียนรู้สึกมีที่พึ่งและไม่เกรงกลัวอะไร เพียงแค่ให้พวกเขาแม่ลูกแยกออกจากกัน ก็จะทำให้องค์หญิงจิ้งเสียนไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว
เท่าที่หม่อมฉันทราบมา เด็กคนนั้นคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดขององค์หญิงจิ้งเสียนพ่ะย่ะค่ะ"
เฮ่อโยวยังกล่าวอีกว่า "หม่อมฉันเห็นว่า ไม่เช่นนั้นก็ทำตามความประสงค์ของทุกคน นำตัวองค์หญิงจิ้งเสียนไปกักขังไว้บนภูเขาลู่ และนำกำลังทหารจำนวนมากไปเฝ้า ให้พระองค์ท่องบทสวดพระคัมภีร์ บำเพ็ญเพียรพ่ะย่ะค่ะ"
โดยจะมีทหารส่งตำราบทสวดที่ต้องท่องในแต่ละวันมาให้องค์จักรพรรดิให้เห็น แบบนี้องค์จักรพรรดิก็จะสามารถรับรู้ได้ว่านางทำอะไรบ้างตอนอยู่ที่วัด
ไม่แน่อาจจะทำให้นางจิตใจสงบลงได้บ้าง หากในอนาคตจะบวชชีเดินตามรอยพระพุทธศาสนา ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
องค์จักรพรรดิเกิดความเข้าใจขึ้นมาในทันที ในอนาคตหากเฉินเสียนจะบวชชีเดินตามรอยพระพุทธศาสนา ยังช่วยผ่อนเบาปัญหาของเขาลงได้
จะว่าไปแล้ว สมเด็จพระราชชนนีก็พูดถูก ก็แค่เปลี่ยนสถานที่กักขังเฉินเสียนก็เท่านั้น ภูเขาลู่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว ส่งนางไปบนภูเขานั่นก็ดี
องค์จักรพรรดิส่งคนไปที่เชิงภูเขาลู่เพื่อซักถามต่าง ๆ เพราะวัดฮู่กั๋วอยู่ห่างไกลและลี้ลับ และที่ตั้งก็สูงชัน ผู้แสวงบุญที่จะขึ้นไปบนภูเขาก็มีน้อยเหลือเกิน
ความหนาวเหน็บบนภูเขานั้นจะคงอยู่ราว ๆ เกือบครึ่งปี ทางขึ้นและทางลงภูเขามีเพียงแค่ทางเดียว หากถูกพายุหิมะถล่มปิดทาง การเดินทางก็จะยิ่งเพิ่มความลำบากมากขึ้น
เฮ่อโยวที่นำคนขึ้นไปบนภูเขา ตลอดทางก็หกล้มไถลลื่นไม่รู้กี่หน และหลาย ๆ ครั้งก็เกือบได้รับอันตราย
เฮ่อโยวพูดถูก เพียงแค่เก็บเด็กคนนี้ไว้และบีบให้แน่น ก็ไม่ต้องกลัวว่าเฉินเสียนจะทำผิดกฎ
ตั้งแต่ที่เฉินเสียนกลับเข้าเมืองหลวง ความรู้สึกที่องค์จักรพรรดิมีต่อเธอคือเธอเป็นเพียงผู้หญิงที่คอยปกป้องลูกชายเท่านั้น เธอเป็นคนธรรมดา ไม่มีความรู้ความสามารถ ยอมทำเพื่อลูกชายทุกอย่าง รู้จักแต่การร้องไห้และก่อความรบกวน
องค์จักรพรรดิเริ่มผ่อนคลายการระมัดระวังต่อเธอ แต่จะไม่ยอมให้เธอหลุดพ้นไปจากมือได้
ในที่สุดองค์จักรพรรดิก็ตกลงตามพระประสงค์ของสมเด็จพระราชชนนีและพระสนมทั้งหลายในวังหลัง ตัดสินใจนำเฉินเสียนไปส่งที่วัดฮูกั๋วบนภูเขาลู่เพื่อปฏิบัติธรรมตาม และตามข้อกำหนดที่ว่า คัดลอกพระคัมภีร์และสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธเจ้าทุกวัน
ที่ตีนเขาและภายในวัด มีกองกำลังองครักษ์คอยเฝ้าเวรยามอยู่ตลอดเวลา
เฉินเสียนกำมือทั้งสองแน่น เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่สะทกสะท้านของเขา จู่ ๆ เธอก็ยกเท้าขึ้นมาถีบไปบนลำตัวของเฮ่อโยวเหมือนคนบ้า
เฮ่อโยวไม่ทันได้ระวังตัว ล้มลงและพลิกกลิ้งไปตามขั้นบันได และหยุดลงที่พื้นอย่างน่าอับอาย
หากไม่ใช่เพราะขันทีดึงเฉินเสียนไว้ เฉินเสียนยังคงจะเดินหน้าเข้าไปรุมถีบเอาอีก
เขาลุกขึ้นนั่งลงที่พื้น ไม่ได้โกรธเคืองอะไร และกล่าวว่า "องค์หญิงจนตรอกหมดหนทางแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ"
เฉินเสียนกล่าวด้วยความโมโห "เฮ่อโยว! ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า เจ้าคนเลว เจ้าไม่ต้องการให้ข้าเป็นสุข! เพราะเจ้าที่ทำให้ข้ากับลูกของข้าต้องแยกจากกัน ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้า!"
เฮ่อโยวลุกขึ้น และมองเห็นว่าขันทีกำลังลากตัวเฉินเสียนออกไป เขาพูดตามหลัง "หากองค์หญิงดูแลตัวเองให้ปลอดภัย ลูกชายของท่านก็จะไม่มีอะไรให้เป็นห่วง"
เฉินเสียนโกรธเฮ่อโยวจนเข้ากระดูก เธอถีบเขาที่หน้าท้องพระโรงขององค์จักรพรรดิ แหกกฎขนบประเพณี
เฮ่อโยวเดินเข้ามาในท้องพระโรง ถึงแม้จะจัดระเบียบเสื้อผ้าให้ดีแล้วนั้น แต่รอยช้ำที่แขนก็ยังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน หลังจากเสร็จธุระองค์จักรพรรดิจึงให้เขาไปพบหมอหลวงเพื่อทำแผล
เฉินเสียนถูกคุมตัวกลับพระตำหนักไท่เหอ ขันทีประกาศราชโองการ ให้นางกำนัลช่วยเฉินเสียนจัดเตรียมสิ่งของเพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
ทันทีที่ ขันทีปล่อยมือ เฉินเสียนก็ล้มลงกับพื้นด้วยความโล่งใจเล็กน้อย เธออ่อนแอเกินกว่าจะดุด่าอาละวาด เรี่ยวแรงจะปฏิเสธก็แทบไม่มี
อวี้เยี่ยนและเสี่ยวเฮรีบเข้ามาพยุงเธอกลับเข้าไปในห้อง
หลังจากที่ขันทีคนสนิทขององค์จักรพรรดิกลับออกไป ก็คลายอารมณ์ที่ตีโพยตีพายออกไปและถามอย่างใจเย็นว่า "เจ้าน่องน้อยล่ะ?"
อวี้เยี่ยนกล่าว "อยู่ในห้องตำราเพคะ"
เฉินเสียนกล่าว "เก็บของเถอะ" แล้วเธอก็เดินไปห้องตำรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...