ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 630

เย่ซวิ่นอารมณ์ไม่ดีร้องตะคอกใส่เธอว่า “กลางดึกกลางดื่น ยังจะให้คนหลับนอนหรือไม่!ดอกไม้ไฟนี่มีอะไรน่ามอง ทำให้ท่านย้อนนึกถึงอดีตใช่หรือไม่? ทั้งหมดที่ผ่านไปแล้วเรียกว่าผ่านไป ไม่ว่าท่านจะย้อนนึกถึงอย่างไร ก็ไม่กลับมาอีกแล้ว!”

เฉินเสียนมองเย่ซวิ่นที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟราวกับฟ้าร้องคำราม แต่กลับกล่าวอย่างนิ่งสงบว่า “ค่ำคืนนี้คือวันส่งท้ายปีเก่า ทั่วทั้งเมืองร่วมกันเฉลิมฉลอง ข้าต้อนรับปีใหม่ มีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมหรือ?”

เย่ซวิ่นจ้องเขม็งใส่เธอ มือทั้งสองข้างจับกุมที่ไหล่ของเธอ ตั้งแต่อากัปกิริยาจนถึงแววตา ล้วนมีการรุกราน เขาจ้องมองดวงตาของเฉินเสียน แล้วกล่าวว่า “เฉินเสียน ซูเจ๋อตายแล้ว”

พริบตาเดียว ดอกไม้ไฟบนศีรษะก็ผลิแตกออก สะท้อนอยู่ในดวงตาเธอ คล้ายดั่งหลอมรวมความเยือกเย็นหยิ่งในศักดิ์ศรีไว้

เย่ซวิ่นเขย่าร่างของเธอ บอกกล่าวกับเธอทีละคำว่า “ท่านฟังชัดเจนหรือยัง ซูเจ๋อตายไปแล้ว สรุปว่าท่านมีญาณทัศนะคติที่รู้ตัวเองดีแค่ไหนกัน ทรมานเช่นนี้เพื่อคนที่ตายไปแล้ว ก็มิน่าเล่าเขาถึงจากท่านไป ท่านเป็นหญิงจืดชืดไร้รสนิยมเช่นนี้ ชายที่ไหนจะชอบ มีความสุขท่านก็ยิ้ม มีความทุกข์ท่านก็ร้องไห้ เจ็บปวดทุกข์ทรมานท่านก็ระบายออกมาสิ!”

เฉินเสียนมองเขาอย่างว่างเปล่า กล่าวขึ้นว่า “เทียบกับข้าแล้ว เจ้าอารมณ์มากมายหลากหลาย ยิ่งเหมือนหญิงคนหนึ่ง”

เย่ซวิ่นหัวเราะเยาะเธอ แล้วกล่าวว่า “ใช่หรือ แต่ข้าเป็นชายที่เป็นของแท้ราคาสมน้ำสมเนื้อ ท่านไม่รู้ว่าตอนนี้ข้ามีความสุขแค่ไหน ซูเจ๋อเขาตายแล้วก็ดี ทุกวันข้าเฝ้าคอยให้เขาตาย คิดไม่ถึงว่าจะตายแล้วเช่นนี้ เขาตาย ก็ไม่มีผู้ใดมาแย่งท่านกับข้าอีก ตอนนี้ดีแล้ว ท่านกลายเป็นแม่ม่ายคนหนึ่ง ข้าโสด กำลังดีพวกเราสามารถรวมเข้าเป็นคู่กันได้”

เย่ซวิ่นคิดว่าเฉินเสียนจะโกรธแล้วตีเขา แต่เธอไม่อะไรเลย

เธอเพียงแค่กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ล้วนบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ไม่สามารถเอาหลักฐานมาได้ ทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก รอวันไหน ที่หาซากกระดูกของเขาพบ แล้วค่อยมาบอกต่อหน้าข้าว่าเจ้ามีความสุขนะ ตอนนี้มีความสุขไวเกินไปนิดหนึ่งแล้วแหละ”

“ท่านนี่ดื้อยิ่งนัก!”

เฉินเสียนชักไหล่ของตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขา แล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ ตอนนี้ข้าเพียงแค่ไม่ได้รับจดหมายของเขานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่แห่งหนใดอีก คาดว่าน่าจะลืมเขียนจดหมายให้กับข้า ไม่เป็นไร ข้าสามารถรอได้ หนึ่งปีที่เขาไม่กลับมา รอเขาหนึ่งปี สิบปีไม่กลับมา รอเขาสิบปี หนึ่งร้อยปีไม่กลับมา ก็รอเขาหนึ่งร้อยปี”

เธอหันหลังกลับ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน กล่าวอย่างอ้างว่างว่า “หากว่าข้าสามารถมีชีวิตได้ถึงหนึ่งร้อยปีล่ะก็ เจ้าอยากจะกระตุ้นข้า ละครเล็กน้อยอย่างนี้ สำหรับข้าไม่มีผลกระทบอะไร”

“ท่านเป็นอย่างนี้ต่อไป อย่าพูดถึงหนึ่งร้อยปีเลย สามารถมีชีวิตได้สามสิบปีก็ไม่เลวแล้ว!ตอนนี้พอมองดู ท่านก็เป็นผู้ที่มีอายุสั้นแล้ว!”

เฉินเสียนกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี ข้าก็ถือโอกาสลงไปดูว่าเขาอยู่หรือไม่”

ซูเซี่ยนสวมใส่ชุดนอนตัวน้อย เท้าเปล่าเหยียบอยู่บนพื้นพรม ฟังเฉินเสียนพูดคำอย่างนั้นอยู่ตรงที่กั้นประตู บนใบหน้าที่อายุยังน้อยของเขา ก็ปรากฏความเหงาหงอยวังเวง

เย่ซวิ่นกล่าวว่า “ท่านสุดจะเยียวยาแล้วจริงๆ!”

เย่ซวิ่นล้มเหลวแล้ว โมโหกลับไป เดินแล้วด่าไปด้วยว่า “หากข้าสามารถหาซากกระดูกของซูเจ๋อเจอ ต้องจับมาเฆี่ยน แล้วใช้เชือกมัดแขนมัดขาและศีรษะไว้กับม้าและให้ม้าควบฉีกร่างออกจากกัน!ตัวเองตายแล้วยังต้องพัวพันคนอื่น ทางที่ดีชาติหน้าเกิดมาเป็นสัตว์!ท่านยังอยากลงไปหาเขา? ฝันไปเถิด”

เฉินเสียนคิดว่า เธอสามารถรออย่างนี้ต่อไป ไม่แยกหน้าหนาวกับหน้าร้อน

หลังจากที่ส่งท้ายปีเก่าได้เปิดราชสำนัก งานราชสำนักเป็นระเบียบและดำเนินการตามขั้นตามตอน จนถึงตอนที่พ่อบ้านในเรือนของซูเจ๋อฝากฉินหรูเหลียงมาบอกว่าให้เฉินเสียนเดินทางไปหา

ในมือของเฉินเสียนมีข้อราชการที่ทำให้ล่าช้า ห่างมาสองวันแล้วก็ยังไม่ได้ไป

เธอไม่อยากออกนอกพระราชวัง เธอกลัวการเดินไปถนนที่คุ้นเคยนั่น นับแต่นี้เป็นต้นไปเธอพยายามที่จะไม่เดินไปทางด้านนั้นเพียงลำพัง

แต่พ่อบ้านบอกว่าหากเธอไม่ไป พ่อบ้านก็จะทำตามคำสั่งของซูเจ๋อก่อนที่จะไป นั่นคือนำสิ่งของที่อยู่ในเรือนจัดการขายออก เหล่าคนรับใช้เฝ้าห้องว่างเปล่าก็ไม่ได้มีความคิดเห็น คิดวางแผนว่าจะกลับถิ่นกำเนิดไปบุกเบิกพื้นที่ใช้ชีวิตในวัยแก่ชรา

สิ่งของอื่นๆในเรือนจัดการเรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่ตำรับตำราการเขียนหนังสือด้วยพู่กันจีนภายในห้องตำรานั้น ที่พ่อบ้านไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งของเหล่านั้น เกรงว่าทิ้งแล้วจะน่าเสียดาย

พ่อบ้านรู้ว่าเฉินเสียนต้องมาแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี