ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 636

หลานสาวของผู้เฒ่ามีนามว่าฝูหลิง ผู้เฒ่านั้นไม่ยินดีที่จะให้ฝูหลิงนั้นไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระราชวังโดยอย่างเด็ดขาด เพราะว่าถ้าฝูหลิงเข้าไปในพระราชวังแล้วนั้น ก็เกรงว่าเธอจะไม่ได้กลับออกมาอีก แต่เฉินเสียนก็อนุญาตให้เธอสามารถอยู่ในพระราชวังต่อได้ และยังสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาในตำราการแพทย์ได้อีกด้วย

ฝูหลิงเธอนั้นมีปณิธานแน่วแน่ที่ไม่ได้อยากเป็นหมอธรรมดาทั่วไป ครั้นแล้วก็ใช้ช่วงเวลาที่เฉินเสียนกำลังคัดลอกตำราการแพทย์อยู่ไปนั่งข้างๆเธอแล้วเอ่ยถามว่า“ฝ่าบาท ที่สำนักหมอหลวงขาดหมอหรือไม่เพคะ?”

เฉินเสียนวางพู่กันในมือลง แล้วเอ่ยถามว่า“เจ้าอยากเป็นหมอหลวงรึ?”

ฝูหลิงยืดอกขึ้นแล้วเอ่ยว่า“ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันจะเป็นได้หรือไม่เพคะ ?”

เฉินเสียนเงยหน้ามองไปที่เธอแล้วพูดขึ้นว่า“ปู่ของเจ้าก็ยังปฏิเสธข้า ถ้าเจ้าอยากเป็นหมอหลวง แล้วไม่กลัวจะโดนปู่ตีขาเจ้าหักรึ ?”

“ไม่กลัวเพคะ ถึงขาจะหักก็รับได้เพคะ?”

“ถ้าเกิดว่าเจ้ารู้สึกว่างจนสับสน ช่วงนี้เจ้าก็ไปอยู่ช่วยที่สำนักหมอหลวงชั่วคราว เริ่มจากการคอยส่งยาก่อนก็แล้วกัน ”

ฝูหลิงนั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

จากตำแหน่งการส่งยาจนได้เลื่อนเป็นตำแหน่งหมอหลวง ฝูหลิงเธอต้องใช้ความพยายามและทุ่มเทเป็นอย่างมากกว่าที่จะได้ตำแหน่งนี้มา แต่เมื่อปู่ของเธอรู้เรื่องเข้าก็โกรธจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขาคัดค้านไม่ให้เธอได้ก้าวเข้าวังมาโดยตลอด เพื่อเป็นการไปพาฝูหลิงกลับมา เขาจึงต้องกลับมายังสถานที่ที่ตัวเองเคยอยู่

เฉินเสียนออกไปต้อนรับผู้เฒ่าอย่างสุภาพน้อมน้อม

ผู้เฒ่าแสดงเจนตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะมารับฝูหลิงกลับไป

เวลานั้นเฉินนั่งอยู่โต๊ะด้านหน้า เพิ่งจะคัดลอกตำราการแพทย์เสร็จไปหนึ่งเล่ม ค่อยๆวางพู่กันในมืออย่างช้าๆ เมื่อคิดพิจารณาดูแล้วจึงกล่าวขึ้นว่า“ฝูหลิงนั้นเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์อย่างมาก เธอเป็นหมอหลวงหญิงคนแรกของสำนักหมอหลวง แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานนั้นยังไม่สูงมากนักแต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นขุนนางในราชสำนัก แล้วยังละทิ้งหน้าที่การงานไปเช่นนี้หรือ?”

ฝูหลิงพยักหน้าตาม ผู้เฒ่าแสดงสีหน้าไม่พอใจมองไปที่เธอ เธอจึงรับก้มหลบหน้าลงไปทันที

ผู้เฒ่ากล่าว“ข้ากระหม่อมขอวิงวอนฝ่าบาทปล่อยนางกลับไป คิดเสียว่านางยังเด็กไร้เดียงสาไม่รู้ความ นางยังไม่มีประสบการณ์อะไรมาก จะไปเป็นหมอหลวงได้อย่างใดกัน?”

เฉินเสียนนำตำราเล่มหนึ่งมาวางอยู่ด้านหน้า แล้วเอ่ยว่า “แต่ข้ากลับคิดว่านางเก่งมาก ข้าถึงได้ให้นางเป็นหมอหลวง ถ้าผู้อาวุโสจะพานางกลับไป ผู้อาวุโสนั้นก็เป็นคนที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน น่าจะรู้จักกฏของราชสำนักดีว่ามันใช่ของเด็กเล่นกัน แต่ข้าก็จะโปรดเมตตากรุณาเป็นพิเศษให้ผู้อาวุโสสามารถมาหาหลานสาวที่สำนักหมอหลวงได้ตลอดเวลา ”

ตอนที่เดินออกมาจากเฉินเสียนนั้นผู้เฒ่าเดินบ่นไปและดึงหูของฝูหลิงไปด้วยตลอดทาง

“ข้าบอกไม่ให้เจ้ามาแต่เจ้ายังจะมา เจ้าต้องการให้ปู่โกรธแค้นเจ้าจนตายหรืออย่างไร!”

“เป็นหมอหลวงมันไม่ดีตรงไหนกัน ข้าคิดว่ามันดีกว่าการที่อยู่แต่ในกระท่อมยาตั้งเยอะ”ฝูหลิงพูดออกมาอย่างเก็บกด

“ดีกับผีนะสิ!”ผู้เฒ่าถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า“จักรพรรดิอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิ ที่พระองค์ผูกมัดเจ้าไว้ที่นี่นั้นก็เพราะไม่ต้องกังวลว่าข้าจะไม่มา เจ้ารู้หรือไม่ !คนในพระราชวังคือคนที่เจ้าสามารถทำให้เกิดความไม่พอใจได้ทั้งนั้น ต่อไปภายหน้าถ้าเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย นั่นหมายถึงชีวิตของเจ้าเอง!”

ฝูหลิงกล่าว“ฝ่าบาทเพียงแค่อยากจะเรียนวิชาการแพทย์ก็เท่านั้นเอง ทำไมท่านปู่ถึงไม่ยอมสอนพระองค์?”

“พระองค์คือจักรพรรดินิของอาณาจักร เรียนวิชาการแพทย์ไปเพื่อที่จะให้นางไปรักษาช่วยชีวิตผู้อื่นรึยังไง?พระองค์กับซูเจ๋อนั้นก็เหมือนกัน ไม่ยอมปล่อยวางความคิดที่ดื้อรั้นของตัวเองลง”

หลังจากที่ผู้เฒ่าพาฝูหลิงเดินออกไปแล้ว เฉินเสียนกับซูเซี่ยนที่กำลังนั่งอยู่ในพระตำหนักไท่เหอ และถือถ้วยชาอยู่ในมือ

ซูเซี่ยนถามขึ้นว่า“ท่านแม่ทำไมต้องไปเรียนการแพทย์กับผู้เฒ่าคนนั้นด้วย หรือว่าเรียกใช้หมอในสำนักหมอหลวงไม่ได้?”

เฉินเสียนกล่าว“เพราะว่าวิชาการแพทย์ของเขาเก่งกาจมาก มองแวบเดียวก็สามารถรู้แล้วว่าสุขภาพร่างกายของเจ้าไม่ดีตรงไหน?”เธอเงียบไปเป็นเวลานาน แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาว่า “ถ้าแม่สามารถมองออกว่าท่านพ่อของเจ้าสุขภาพร่างกายไม่ดีตั้งแต่แรก”

เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่ยื่นมือไปลูบที่ศรีษะของซูเซี่ยนอย่างอ่อนโยน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี