ท่านอ๋องมู่กับองค์หญิงจาวหยางเห็นภาพตรงหน้าพลันรีบเข้าไปดึง กล่าวห้ามปรามว่า "ฝ่าบาททรงระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ เสียงดังเช่นนี้จะรบกวนการพักผ่อนของท่านอ๋องรุ่ยนะพ่ะย่ะค่ะ"
ภายในห้อง ซูเจ๋อยังคงนอนอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ริมหน้าต่างตลอด พลางมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ตอนแรกด้านนอกจะเสวนาโดยคำนึงถึงเขาเป็นหลัก ต่อมาก็ไม่ได้ใส่ใจโดยสิ้นเชิง ทุกถ้อยคำส่งเข้ามายังหู ซึ่งทำให้เขารู้สึกตะลึงเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครเดาออกว่าเขากำลังคิดเช่นไรอยู่
แสงพระอาทิตย์ส่องผ่านต้นไม้มาสะท้อนอยู่ใบหน้าเขาเลือนรางจนยิ่งดูซีดเซียว
หลานเอ๋อร์กลับรู้สึกร้อนรนประหนึ่งมดที่วิ่งวนอยู่ในหม้อน้ำเดือด นางกล่าวว่า "ท่านอ๋องเพคะ ออกไปดูเสียหน่อยไหมเพคะ ด้านนอกเสียงดังมากเพคะ"
ซูเจ๋อละสายตากลับมา มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ถ้อยคำของหลานเอ๋อร์ส่งผลให้เขาอยากพุ่งทะยานออกไปดึงตัวเฉินเสียนไว้ด้านหลัง เพื่อปกป้องเธอ
เธอยืนกระต่ายขาเดียวว่าจะพาเขาไปให้ได้ จึงขัดแย้งกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ยอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาจะไปกับเธอที่เป่ยเซี่ยไหม? เดิมทีซูเจ๋อคิดจะปฏิเสธ ทว่ายามนี้กลับลังเลขึ้นมา
ซูเจ๋อถามหลานเอ๋อร์กะทันหัน "เจ้ารู้ไหมว่านางชื่ออะไร?"
หลานเอ๋อร์กล่าว "ท่านอ๋องถามถึงจักรพรรดินีต้าฉู่หรือเพคะ?" นางส่ายหัว "อันนี้บ่าวไม่รู้เพคะ"
ซูเจ๋อหยุดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า "แล้วยามที่ข้าวาดภาพนาง เจ้าเคยได้ยินข้าเรียกนางว่าอย่างไร?"
หลานเอ๋อร์ใคร่ครวญพลันฉุกคิดได้ว่า "ท่านอ๋องคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเรียกนางว่าอาเสียนเพคะ"
"อาเสียน"
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยที่อยู่ด้านนอกได้ยินท่านอ๋องมู่บอกว่าจะรบกวนการพักผ่อนของซูเจ๋อ จึงข่มกลั้นเพลิงโทสะอย่างฝืนทน ส่วนเฉินเสียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่หลบหลีก ยืนตรงแบบไม่ไหวติง กระทั่งยามจักรพรรดิเป่ยเซี่ยง้างมือจะตบก็ยังไม่กะพริบตาสักคราว
ในขณะที่มือของจักรพรรดิเป่ยเซี่ยจะไปถึงเป้าหมาย เธอก็ละทิ้งความดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย กลายเป็นการวิงวอนที่เสียงแหบพร่าและแผ่วเบา "ข้ารักเขา ท่านมอบเขาให้แก่ข้าได้หรือไม่?"
ท่านอ๋องมู่ตะลึงพรึงเพริด
ร่างกายจักรพรรดิเป่ยเซี่ยสั่นเทิ้ม แววตาแปรเปลี่ยนกะทันหัน จ้องเฉินเสียนพร้อมกับกล่าวว่า "เมื่อครู่ท่านพูดกระไรนะ?"
เฉินเสียนกล่าวอีกว่า "ข้ารักเขา"
เธอกล่าวอย่างไม่หวาดหวั่น ยืนอกผายไหล่ผึ่งอย่างคนเที่ยงตรงมากคุณธรรม
เสียงนี้ส่งลอดประตูเข้ามาถึงหูซูเจ๋อ ทำให้นิ้วมือของเขาสั่นระริก
องค์หญิงจาวหยางกับหลานเอ๋อร์ที่เป็นสตรีเพศด้วยกันงงเป็นไก่ตาแตก เหตุเนื่องจากไม่มีผู้ใดมีความกล้าหาญเช่นเฉินเสียน ไม่เพียงแต่จะแย่งคนกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ย ทั้งยังลั่นวาจาเช่นนี้อีก
สตรีเพศจะขวยเขินในการเอ่ยปากพูดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆ ทำเยี่ยงนี้จะทำให้คนอื่นมองว่าไร้ศักดิ์ศรี ไม่รักนวลสงวนตัว
ทว่ายามที่เฉินเสียนกล่าวเช่นนี้ องค์หญิงจาวหยางกับหลานเอ๋อร์กลับไม่รู้สึกว่าเธอไม่สำรวมกิริยาเลยสักนิด ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้เธอเป็นฝ่ายแสดงท่าทีต่อซูเจ๋อก่อน ไม่เคยสำรวมเลย ทั้งยังผ่าเผยตรงไปตรงมาอย่างไม่คิดอ้อมค้อม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...