ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 670

ทหารรักษาพระองค์ได้มาเชื้อเชิญท่านอ๋องมู่ลงเรือ ท่านอ๋องมู่กล่าวอีกว่า“ซูเจ๋อก็มาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในราชนิเวศน์ ฝ่าบาทไม่อยากไปพบเขาหรือ? แล้วก็ไม่ให้ลูกไปพบเขาหรือ?”

ซูเซี่ยนเอียงศีรษะออกมากล่าวกับท่านอ๋องมู่ว่า“หากเป่ยเซี่ยของพวกท่านสามารถขอโทษท่านแม่ข้า ก็จะพิจารณาดูสักหน่อย”

เฉินเสียนชะงักงัน มองคลื่นบนท้องทะเล กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ส่งแขก”

ทันทีหลังจากนั้นท่านอ๋องมู่ก็ถูกพาลงจากเรือ ทำให้ฝีพายรีบเร่งพายเรือกลับเข้าฝั่งเพื่อไปรายงาน เกรงว่าสายแล้วจะไม่ทันการณ์

ไม่นานเฉินเสียนก็ได้กล่าวว่า “สั่งการลงไป กลับหัวเรือ”

องค์จักรพรรดิอยู่บนฝั่งมองการเคลื่อนไหวด้านนั้นอยู่ตลอดเวลา มองเห็นกับตาว่ามีเรืออีกลำขับมา จอดเทียบอยู่ด้วยกันกับเรือเดินทะเลที่จอดอยู่ก่อนไม่กี่วันมาแล้ว

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง คล้ายกับว่าเรือสองลำนั่นมีแนวโน้มกลับหัวเรือ

องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยคาดเดาไว้แล้ว องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉู่ต้องอยู่บนเรือลำถัดไปอย่างแน่นอน

เวลานี้ท่านอ๋องมู่ได้ขึ้นฝั่งแล้ว และได้นำความจริงเป็นอย่างๆกราบทูลอย่างละเอียดว่าที่แท้เป็นซูเซี่ยนที่แอบนำคนออกทะเลมาด้วยตนเอง ตอนนี้ท่านแม่ของเขาได้ตามมาแล้ว ตามคำสัตย์ปฏิญาณที่เคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่าจะไม่เหยียบย่างเข้าเป่ยเซี่ย เฉินเสียนไม่มีทางเข้าฝั่ง ตอนนี้กำลังจะพาซูเซี่ยนกลับไป

ท่านอ๋องมู่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หากพระองค์ยังไม่สามารถปล่อยวางลงได้ หลานชายตัวน้อยก็จะไปแล้ว นับตั้งแต่นี้ต่อไปเกรงว่าจะไม่ได้พบเจออีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หญิงผู้นี้เหตุใดถึงได้หัวแข็งเยี่ยงนี้!”องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเห็นตอนนี้ได้มีเรือลำหนึ่งกลับหัวแล้ว แทบจะกัดฟัดกรอดกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ไปบอกให้ข้า คำสัตย์ปฏิญาณเมื่อปีที่แล้วถือเป็นโมฆะ!บอกกับองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉู่ให้ข้าว่า ข้ายินดีต้อนรับพระนางมาที่เป่ยเซี่ย สั่งการลงไป ประกาศให้เหล่าอาณาประชาราษฎร์ มายืนเรียงรายอยู่สองฟากฝั่งถนนต้อนรับองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉู่!”

ท่านอ๋องมู่รีบไปบอกกล่าว และนี่น่าจะนับว่าเป็นความบริสุทธิ์ใจและยอมอ่อนข้อให้มากที่สุดของเป่ยเซี่ยแล้ว

เวลาเดียวกันเฉินเสียนก็ยังไม่ได้กินอาหารมื้อเย็น ซูเซี่ยนเลยสั่งให้คนไปเตรียมอาหารเย็นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ซูเซี่ยนยืนอยู่ด้านหลังเฉินเสียน กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ ปู่น้อยบอกว่าท่านพ่อก็อยู่บนฝั่ง เดินทางมาตั้งไกล ท่านไม่ไปพบท่านพ่อหรือ?”

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เฉินเสียนคลายความโกรธแล้ว ถึงได้กล่าวว่า“ไม่ไป รู้ว่าเขาสบายดีก็พอแล้ว”

“แต่ปู่น้อยบอกว่า ท่านพ่อคิดถึงท่านแม่ทุกวันเลยนะ”

เฉินเสียนหันกลับมา เลิกคิ้วแล้วหัวเราะ กล่าวขึ้นว่า “เขาจำพวกเราไม่ได้แล้ว จะคิดถึงได้อย่างไร?”

ซูเซี่ยนเอื้อมมือไปลูบสัมผัสที่หน้าของเฉินเสียนแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านกลัวท่านพ่อไม่ไปกับท่านหรือ? ได้ยินปู่น้อยเล่าว่าครั้งก่อนท่านพ่อต้องการไปกับท่านแม่ แต่น่าเสียดายที่ต่อมาได้ล้มป่วย”

เฉินเสียนโอบเขาเข้ามาในอ้อมกอด กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ก็เป็นเพราะว่าเขาป่วย ทำให้แม่เข้าใจหลักเหตุผลหนึ่ง ไม่มีอะไรที่สำคัญกว่าการที่ท่านพ่อของเจ้ามีชีวิตอยู่ ต่อให้นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราจะแยกจากกันคนละฟากฟ้า ทั้งสองคนสามารถมีชีวิตอยู่ร่วมกันทั้งชาติ ไม่จากกันชั่วชีวิต เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีแค่ไหน แต่หากว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ก็ไม่ต้องดึงดัน แม่เพียงขอให้เขาอยู่เย็นเป็นสุขก็พอแล้ว”

ซูเซี่ยนฟังจนเข้าใจ กล่าวว่า “ชัดเจนว่าท่านก็คิดถึงท่านพ่อของข้าอยู่ทุกวัน”

“ชาตินี้ของเขา ทุ่มเทเพื่อพวกเรามากมายแล้ว วันนี้ลืมเลือนเรื่องราวที่ผ่านมาก็ไม่เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสงบได้โดยไม่ต้องกังวล พวกเราต้องรักสงสารเขาสักหน่อย ดีไหมลูก?”

ซูเซี่ยนกล่าวว่า “หากว่าสุดท้ายท่านพ่อนึกได้แล้วล่ะ ดันทุรังต้องการกลับต้าฉู่ ขาอยู่บนตัวของท่านพ่อ หากว่าท่านพ่อดันทุรังต้องการกลับมา พวกเราก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางใช่หรือไม่ท่านแม่”

ถือโอกาสตอนที่เฉินเสียนเงียบ ซูเซี่ยนได้กล่าวอย่างมีความหวังอีกว่า “ข้ายังอยากไปพบท่านพ่อ ครั้งนี้ท่านแม่ไปเป็นเพื่อนข้านะ ผู้ใดก็ไม่สามารถกลั่นแกล้งท่านได้ ได้ไหมท่านแม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี