เธอถูกนำจูงจมูกอีกครั้ง ความรู้สึกแบบนี้เป็นอะไรที่แย่มาก เธอไม่อยากอยู่ตามลำพังกับซูเจ๋อ และไม่อยากให้เขาทำให้เธอรู้สึกยุ่งเหยิงในหัวใจ
แค่คิดถึงเรื่องวุ่นวายเมื่อคืนนี้ ยังไม่เพียงพอหรือ?
ดังนั้นเฉินเสียนตัดสินใจแล้วว่า ซูเจ๋อไปทางซ้าย เธอก็ไปทางซ้ายเพื่อขวางกั้น ซูเจ๋อไปทางขวา เธอก็ไปทางขวาเพื่อขวางกั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในห้องของเธอ
หลังจากที่เป็นอยู่ในลักษณะนี้ถึงสองครั้ง ซูเจ๋อกล่าวว่า "ข้าต้องการพักผ่อนหลังอาหารเที่ยง ไม่ต้องการที่จะลำบากไปมา สุขภาพร่างกายของข้าไม่ดี หากเป็นลมแดดไปท่านจะรับผิดชอบหรือ?"
เฉินเสียนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งและยังคงพูดอย่างประนีประนอม "งั้นท่านนอนอยู่ในห้อง ข้าไปนอนที่ท้องพระโรง"
เมื่อพูดจบ เธอก็เดินหลบเขาออกมา เมื่อเฉินเสียนกำลังจะเดินออกจากประตูมา ก็ถูกซูเจ๋อลากกลับเข้าไป เขาก็เข้ามาในห้อง และปิดประตูลง
ราวกับทั้งห้องนี้ห้องเต็มไปด้วยลมหายใจที่เป็นของเขา เฉินเสียนถอยหลังไปสองก้าว
ซูเจ๋อหันหลังกลับมา มองเห็นใบหูสีแดงของเธอ ประกายในดวงตาของเขาก็หายไปชั่วขณะหนึ่ง
ซูเจ๋อพูดอย่างอ่อนโยน "ไปนอนเถอะ ข้าจะนั่งพักอยู่ที่เก้าอี้ยาวริมหน้าต่างเฝ้าท่านเอง"
เฉินเสียนนอนลงบนเตียงโดยหันหลังให้เขา อันที่จริงเธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่เพราะเขาอยู่ในห้อง เธอจึงนอนไม่หลับ
เป็นเวลานาน เฉินเสียนได้ยินเสียงของเธอกำลังพูดว่า "ท่านรักนางไหม?"
ซูเจ๋อตอบเธอเบา ๆ "ใครหรือ"
"พระชายารุ่ยของท่าน" เป็นเวลานานซูเจ๋อไม่ได้ตอบคำถาม เฉินเสียนถามเขาอีกครั้ง "พวกท่านเข้าห้องหอแล้วหรือยัง?"
ซูเจ๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวโดยงอขายกขึ้นมา และพิงกำแพงอย่างขี้เกียจและเป็นกันเอง มองไปทางด้านข้างนอกหน้าต่าง และหรี่ตาลงกล่าวว่า "เรื่องคืนวันนั้น ข้ายังจำไม่ได้?"
เฉินเสียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยและกล่าวว่า "ก็เหมือนกับท่านที่สูญเสียความทรงจำ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะนึกขึ้นได้ พอเถอะ อีกสองวันข้าก็จะออกเดินทางจากที่นี่แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญอะไรแล้ว"
ซูเจ๋อก่ายหน้าผากด้วยมือข้างหนึ่ง สีหน้าของเขาไม่แน่ชัดนัก และกล่าวว่า "หากข้าต้องการให้ท่านอยู่ล่ะ ท่านสามารถอยู่ต่อให้นานกว่านี้ได้ไหม?"
เฉินเสียนหัวเราะอย่างไม่มีเสียง และกล่าวว่า "ท่านบังคับข้าได้หรือ? ข้าควรจะไป ถึงเวลาข้าก็ต้องไป"
"ครั้งนี้ท่านไม่ต้องการให้ข้ากลับต้าฉู่ไปกับท่านหรือ?"
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินเสียนก็กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ข้าค่อนข้างเอาแต่ใจ รู้สึกควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่ค่อยได้ แต่ครั้งนี้ที่มาก็ไม่ได้สูญเปล่า ข้าได้เห็นท่าน ได้พูดคุยกับท่าน ได้ท่านอาหารร่วมกับท่าน ได้เดินเล่นบนท้องถนนกับท่านได้เห็นว่าสุขภาพร่างกายของท่านดีขึ้น แค่นี้ก็ดีมากแล้ว คืนวันนั้นท่านได้หลงเหลือความทรงจำอันวิเศษและความคิดถึงให้กับข้า หากไม่ได้เป็นเพราะข้านึกไม่ออกในส่วนหลังจากนั้น เรื่องทั้งหมดมันคงจจะวิเศษมากจริง ๆ"
ซูเจ๋อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด และทันใดนั้นก็กล่าวว่า "มีคนเข้ามาในเรือนของท่าน"
เฉินเสียนลุกขึ้นและกล่าวว่า "ใช่อาเซี่ยนกลับมาแล้วใช่ไหม?"
"ไม่ใช่ ท่านมาดูสิ"
เฉินเสียนไม่ได้สงสัยในตัวเขา เธอจึงลุกจากเตียงแล้วพลิกรองเท้าแล้วเดินไปมองออกไปนอกหน้าต่างจริง ๆ
ไม่คิดว่าทันทีที่เธอเข้าใกล้เก้าอี้ตัวยาว ซูเจ๋อก็จับข้อมือของเธอโดยไม่ได้เตรียมตัวและดึงเธอไปด้านข้างของเขา
เฉินเสียนเอียงร่างกายของเธอและทันใดนั้นก็เสียการทรงตัวและล้มลงที่เขา เมื่อเธอดันมือเธอและทำท่าจะลุกขึ้น ซูเจ๋อก็คว้าเอวเธอและกอดเธอไว้
เธอวางมือบนหน้าอกของเขา ใบหน้าของเธอแนบกับกระเป๋าเสื้อของเขา ดวงตาของเธอจ้องมอง และมุมของดวงตาของเธอชื้นและแดงเล็กน้อย
ซูเจ๋อกอดเธอแน่น เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ เพราะกลัวว่าเขาจะปล่อยมือเมื่อเธอขยับ
เธอได้ยินซูเจ๋อกระซิบที่ข้างหูของเธอ "ข้างนอกไม่มีใครสักคน ที่ข้าบอกท่านแบบนั้น เพราะต้องการกอดท่าน"
ลมหายใจของเขาตกลงไปที่คอของเธอ ทำให้เฉินเสียนสั่นเบา ๆ
ซูเจ๋อก็ดูเหนื่อยล้าอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นเหมือนกับเฉินเสียนไหม ครุ่นคิดทั้งวันทั้งคืน จนนอนไม่หลับ ราวกับได้กอดเฉินเสียนอยู่แบบนี้ ถึงจะทำให้เขาสงบและรู้สึกสบายใจขึ้นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...