จวนจะถึงช่วงวสันตฤดูของปีนี้แล้ว ตามด้วยอากาศค่อยๆอบอุ่น ช่วงเวลากลางวันสามารถพบเจอนกตัวน้อยเป็นคู่ๆกระจายเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ยามค่ำคืนไม่รู้ว่าแมวป่ามาจากที่ไหน ร้องอยู่บนคานบริเวณใกล้ๆไม่หยุดเลย
ช่วงเวลานั้นเย่ซวิ่นอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก อารมณ์เสียอยู่ทั้งวัน เลยได้สั่งให้นางกำนัลไปไล่นกน้อยที่อยู่บนกิ่งไม้ไป ยามเย็นอย่าให้เขาต้องได้ยินเสียงแมวร้อง
นางกำนัลกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “องค์ชายเพคะ สัตว์เลี้ยงก็ต้องเข้าวสันตฤดูนะเพคะ......... ”
เย่ซวิ่นกล่าวอย่างโมโหว่า “เจ้าควบคุมมัน เพียงแค่อย่าให้ข้าเห็นและได้ยินเสียงมันอีก!”
เขารู้ตัวว่าตนเองไม่ชอบใจ อาจจะเพราะสลับสับเปลี่ยนวสันตฤดูกับคิมหันตฤดู
เหล่านางกำนัลล้วนเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงบางเบา สวยงามอย่างมาก นับว่าเป็นทัศนียภาพหนึ่งในวังหลังที่ว่างเปล่านี้
หลังจากนั้นก็เย่ซวิ่นพบว่า ไม่ว่ารูปร่างจะดีแค่ไหน มีนางกำนัลที่สวยหยาดเยิ้มเดินกวัดแกว่งผ่านหน้าผ่านตาเขาไป เขาก็ไม่ได้มีความสนใจสักครึ่งเลย
เย่ซวิ่นนึกขึ้นได้ฉับพลัน หลายปีก่อนหน้ามีคืนหนึ่งที่ตนเองกรรมตามสนองถูกยา ผลสรุปยืนหยัดตั้งอยู่ครึ่งค่อนคืน ต่อมาหมอหลวงก็พูดวิธีบำรุงรักษาอย่างละเอียด ต่อไปเรื่องด้านนี้น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว
ตอนนี้เขาไม่มีความสนุกสนานสนใจไม่ว่าอะไรก็ตาม หรือว่านี่จะเป็นโรคที่ตกค้างของเรื่องนั้นกำลังก่อเหตุ?
นี่เป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับความสุขต่อจากนี้ชั่วชีวิตของเขาเลยนะ!
ด้วยเหตุนี้เย่ซวิ่นเลยสั่งขันทีในพระราชวังไปหารูปภาพลามกอนาจารมาให้เขา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในพระราชวังไม่ขาดแคลนสิ่งนี้เลย บนภาพวาดสวยงามมาก จนเหมือนของจริง
เย่ซวิ่นค้ำใต้คางเอาไว้ นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ ขมวดคิ้วคล้ายดั่งกำลังอ่านตำราที่เป็นทางการ มองพลิกดูตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย
ยิ่งพลิกไปด้านหลัง ใจยิ่งรู้สึกว่าไม่พิสดาร
น่าสงสารชายหญิงที่อยู่บนภาพวาดนั่น พยายามใช้กิริยาท่าทางสิบแปดชนิด เขาดูตั้งแต่ต้นจนจบ คิดไม่ถึงว่าร่างกายไม่มีความสั่นไหวกับปฏิกิริยาตอบสนองเลย ยังคงนิ่งสงบเหมือนกับตอนแรกเริ่ม!
ทันใดนั้นเย่ซวิ่นได้โยนหนังสือภาพวาดลามกอนาจารทิ้ง ไม่ไหวแล้ว!โธ่เอ๊ย เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว!
เย่ซวิ่นไม่ถอดใจ ได้เรียกนางกำนัลที่หน้าอกโตเอวเล็กมาหาเขา ทำตามคำสั่งของเขา และถอดชุดออกทีละชิ้น สุดท้ายพาร่างที่เย้ายวนใจมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ครู่ใหญ่ๆ เย่ซวิ่นได้ยกมือปิดหน้า ทอดถอนหายใจออกมายาวเหยียด กล่าวคล้ายดั่งยอมรับชะตาชีวิตว่า “ออกไป”
เย่ซวิ่นจิตใจย่ำแย่มาก และได้เรียกให้หมอหลวงในสำนักหมอหลวงมาตรวจดูให้แก่เขา
ผลสรุปหลังจากที่หมอหลวงตรวจดูอย่างละเอียด หมอหลวงกล่าวว่า “กราบทูลองค์ชาย สุขภาพของพระองค์แข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซวิ่นกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อ ตรวจอีก!”
หมอหลวงตรวจอยู่หลายหน ล้วนได้ข้อวินิจฉัยดังเดิม
หมอหลวงกล่าวว่า “องค์ชายมีตรงไหนไม่สบายหรือพ่ะย่ะค่ะ?หากว่าไม่สบายสามารถบอกกระหม่อม กระหม่อมจะตรวจเฉพาะจุดพ่ะย่ะค่ะ”
“.….....”
เย่ซวิ่นสามารถบอกหมอหลวง ว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองหรือ? เมื่อก่อนได้รับยาแล้วยืนตั้งอย่างเหี้ยมเกรียมนั่นไม่ได้มีอะไรที่น่าอาย แต่ตอนนี้เขาไม่ตั้ง นี่หากว่าแพร่ออกไป ก็ขายหน้าหนักเลย!
นึกถึงเขาที่เป็นองค์ชายหกของเย่เหลียง เข้ามาที่วังหลังของต้าฉู่ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถดูค่ำคืนที่สวยงามของวสันตฤดูกับองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉู่ได้ กลับทำตนเองจนชูตั้งไม่ขึ้นแล้ว ใครได้ยินก็จะหัวเราะจนต้องเอามือมากุมที่ท้อง
เขาขายหน้าคนนั้นไม่ได้
สุดท้ายเย่ซวิ่นตอบอย่างท้อแท้หมดอาลัยตายอยากว่า “ช่างเถิด ตอนนี้ข้ารู้สึกได้.....ว่าสบายมากจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...