ซูเจ๋อหรี่ตามอง และยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยพร้อมกับกล่าวว่า "แต่ข้าทำไม่เป็น"
เฉินเสียนดึงเขาขึ้นมา "ถ้าไม่เป็นข้าจะสอนท่าน" เมื่อก่อนเป็นซูเจ๋อที่สอนเธอ ตอนนี้เปลี่ยนให้เธอเป็นคนสอนซูเจ๋อบ้าง ดูเหมือนว่าความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ดังนั้นเฉินเสียนจึงอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดหนึ่งครั้ง ควรจะให้ความสนใจไปที่ใด ควรจะใช้แรงกำลังไปที่ใด ต่าง ๆ นานา และแสดงให้เขาดูอย่างไม่ย่อท้อ จากนั้นจึงถอยออกไปและมองดูซูเจ๋อฝึกซ้อม
ซูเจ๋อเคลื่อนไหวช้ามากในตอนแรก และถามเฉินเสียนด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย "แบบนี้ใช่ไหม?"
เฉินเสียนพยักหน้า "ใช่ แบบนี้แหละ"
ความเร็วในมือของเขาเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ "แบบนี้ถูกแล้วใช่ไหม?"
จากนั้นเฉินเสียนก็มาอยู่ข้าง ๆ มองดูมือของเขาชกไปมาระหว่างแท่งหุ่นไม้จำนวนมาก ความเร็วและความแข็งแกร่งนั้นมีความคล่องตัวและพลิ้วไหวมาก จนเกือบจะทำให้เฉินเสียนเวียนหัว และเขาดูสงบมากและไม่พบว่ามันยากเลย และเขาดูจดจ่ออย่างมากและไม่เหมือนว่ามันจะเหนื่อยยากเลย
หุ่นแท่งไม้ที่ดีดเข้าใส่มือของซูเซี่ยนเมื่อสักครู่ ตอนนี้กลับไม่มีสักแท่งที่ดีดกลับเข้ามาโดนมือของซูเจ๋อได้เลย
สองคนแม่ลูกต่างพากันตกตะลึง
เมื่อได้ยินเสียงเตะต่อย แท่งหุ่นไม้ก็หักลง และกระเด็นออกไปข้างนอก
ซูเจ๋อจับแท่งหุ่นไม้ไว้ และหันกลับมาแล้วพูดกับสองแม่ลูกที่กำลังตกตะลึง "คงเป็นเพราะข้าจับจังหวะได้ไม่ค่อยดี แท่งหุ่นไม้เลยถูกข้าเตะจนพังไปเลย ไม่งั้นตอนบ่ายเดี๋ยวข้าจะซ่อมแซมดู"
เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบ "หักไปสักแท่งไม่เป็นไรหรอก"
ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้บอกว่าเขาทำไม่เป็นไม่ใช่หรือ เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยต่อสู้อย่างไร ทำไมเขาถึงยังทำได้ดีขนาดนี้
ต่อมาเฉินเสียนมีเรื่องการบริหารบ้านเมืองที่ต้องจัดการ เธอจึงออกไปก่อน ปล่อยซูเจ๋อและซูเซี่ยนอยู่ด้วยกัน
ซูเจ๋อเดินไปหยิบแท่งไม้ที่หัก มองไปที่ซูเซี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนขั้นบันได และกล่าวว่า "เมื่อก่อนท่านแม่ของเจ้าเรียนฝึกซ้อมหุ่นไม้ได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ให้พ่อสอนเจ้าดีไหม?"
ซูเซี่ยนมีสติจากอาการมึนงงและค่อย ๆ ยิ้มเล็กน้อย เขาลุกขึ้น ตบเสื้อผ้าแล้วเดินไปหาซูเจ๋อ ซูเจ๋อตั้งรับเขาไว้ข้างหน้า และเริ่มสอนเขาอย่างละเอียด
ความสามารถในการเข้าใจของซูเซี่ยนนั้นดีมาก และต่อมาเขาก็ไม่เคยโดนดีดด้วยหุ่นไม้อีกเลย
ขณะฝึกซ้อม เขาถามว่า "ดูจากลักษณะของท่านแม่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าท่านพ่อฟื้นคืนความทรงจำแล้ว ท่านพ่อไม่คิดจะบอกท่านแม่หรือขอรับ?"
ซูเจ๋อกล่าวว่า "ท่านแม่ช่วยให้พ่อฟื้นคืนความทรงจำ ส่วนพ่อก็กลับมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ทุกอย่างใหม่กับท่านแม่ แค่บอกด้วยปากจะดีอย่างไร"
ถึงแม้จะพูดมาแบบนี้ แต่ซูเซี่ยนคิดว่า ท่านพ่อของเขากำลังแกล้งท่านแม่ของเขาแบบนี้ คงเพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก แต่ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจความสนุกระหว่างสามีและภรรยาอยู่ดี
แต่ซูเซี่ยนยังคงพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ "ขอเพียงแค่ท่านพ่อไม่ยกก้อนหินขึ้นมาทำร้ายตัวเองเหมือนคราวที่เรื่องพระชายารุ่ยครั้งนั้นก็พอขอรับ"
หนึ่งปีต่อมา เฉินเสียนเรียกท่านแม่ทัพใหญ่ฉินหรูเหลียงที่ดูแลบริเวณเขตชายแดนภาคเหนือของเป่ยเจียงกลับไปเมืองหลวงเพื่อรายงานหน้าที่การทำงานของเขา
ไม่ได้เจอกันนานเป็นปี ฉินหรูเหลียงมีใบหน้าที่หล่อเหลาเฉียบคมกว่าที่เคย อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่โหดร้ายในเขตภาคเหนือของเป่ยเจียงซึ่งทำให้เขาหล่อและคมยิ่งขึ้น
เฉินเสียนได้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการของฉินหรูเหลียงแล้ว ดินแดนบริเวณเขตชายแดนที่อยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของเขา ทำให้ผู้คนของทั้งสองอาณาจักรมีความมั่นคงและความสามัคคีมาก
เฉินเสียนตรัสถาม "ได้มีผู้หญิงที่หมายตาไว้ที่เป่ยเจียงบ้างไหม?"
ฉินหรูเหลียงตอบสั้น ๆ เพียง "ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ"
เฉินเสียนรู้ว่าเขาไม่มีแน่ เรื่องของเขาที่เป่ยเจียง เฉินเสียนก็พอรู้อะไรมาบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...