“รีบลองสวมเร็วเข้าเถอะ เวลากระชั้นชิดอยู่แล้ว ทั้งยังใช้ชุดสำเร็จรูปจากร้านผ้าไหมอีก มันต้องใส่ไม่พอดีแน่ๆ ต้องตัดให้เล็กลงหรือเพิ่มให้ใหญ่ขึ้นจะได้แจ้งช่างตัดเสื้อให้รีบแก้ไข”
“ขอแค่ใส่ได้ก็พอ”
“เจ้าเจ็ด หละหลวมเกินไปแล้ว”
“เหอะ แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร”
จู้ชิงจยาถอนหายใจพลางทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เหยียนมู่ “คดีของรัชทายาทผู้ถูกปลดไม่เพียงแต่ทำให้เหล่าตระกูลขุนนางขุ่นเคือง แต่ยังทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยเจ้าอีกด้วย พ่อบุญธรรมให้เจ้าแต่งงานกับหยวนชิงเย่ว์ เป็นเพราะประการแรกเพื่อปิดปากตระกูลขุนนางเหล่านั้น ถือเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคดีจวนเหวินชางปั๋ว ประการที่สองคือนี่เป็นไปตามพระประสงค์ของฮ่องเต้ หมาป่าตัวเดียวอาจจัดการยากแต่ถ้ามันมีครอบครัวจะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที”
“หากไม่ใช่เพราะข้า เมืองหลวงคงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย บางทีสายลับเป่ยจินอาจบุกรุกเข้ามาได้แล้ว!”
“เจ้าเจ็ด เบาเสียงลงหน่อย!”
เหยียนมู่จึงได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ “ข้าช่วยเขารักษาความมั่นคงของแคว้นนี้ แต่กลับปฏิขัติต่อข้าเหมือนเป็นลูกหมาป่า”
“เขาใช้งานเจ้า นั่นเป็นเพราะความระแวดระวัง พ่อบุญธรรมเคยวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียให้เจ้าฟังแล้ว ทำไมต้องมาโกรธเพลานี้ด้วย”
“เอาเถิด เลิกบ่นเสียที!”
“เช่นนั้นก็รีบลองสวมดูสิ!”
เมื่อหลิวอวิ๋นเซียงเดินออกจากร้ายขายเสบียง ผ่านไปทางร้านผ้าไหม นางก็นึกอะไรบางอย่างออกและดึงตัวจิ่นเยียนเข้าไปข้างใน
“ข้าอยากซื้อผ้าฝ้ายนุ่มๆ มาทำเสื้อผ้าให้ลูกๆ น่ะ”
“เพิ่งสี่เดือนเองนะเจ้าคะ”
“ข้ากลัวว่าต่อไปจะไม่มีแรงลุกมาทำเรื่องแบบนี้น่ะสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิ่นเยียนจึงเริ่มตาแดงก่ำ
สุขภาพของฮูหยินแย่ลงเรื่อยๆ นางไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากผ่านไปอีกเดือนสองเดือนจะเป็นอย่างไร
เสมียนคนหนึ่งจึงนำผ้าฝ้ายมาให้ เมื่อหลิววิ๋นเซียงสัมผัสผ้านุ่มๆ นางจึงสั่งเพิ่มอีกหนึ่งจั้ง พอหันไปเห็นผ้าไหมอีกด้าน จึงเกิดความคิดอยากทำเสื้อผ้าให้ลูกได้ใส่ตอนโต
เผื่อนางจากไปแล้ว แต่ความคะนึงหาจะยังคงอยู่
ขณะที่กำลังเลือกดูผ้าอยู่นั้น โจวหลี่ไหวก็เดินเข้ามา
และตกตะลึงครู่หนึ่งเมื่อชนเข้ากับหลิวอวิ๋นเซียง
“ฮูหยิน เหตุใดท่านถึง...อยู่ที่นี่”
หลิวอวิ๋นเซียงเผยยิ้ม “ต้องมาเลือกซื้อเสื้อผ้าน่ะสิ หมอหลวงโจวก็เช่นกันหรือ”
“เอ่อ ข้าเอง...ก็เช่นกัน” โจวหลี่ไหวตอบพร้อมกับเกาศีรษะเบาๆ
หลิวอวิ๋นเซียงมองโจวหลี่ไหวและคิดว่าเขาดูท่าทางแปลกพิกลนัก ขณะที่องครักษ์ซึ่งยืนเฝ้าห้องทิศตะวันตกก้มหน้าทำความเคารพเขา
โจวหลี่ไหวจึงเดินไปทางห้องทิศตะวันตกอย่างกล้าหาญ เมื่อเปิดม่านออกก็พบกับเหยียนมู่ที่กำลังสวมชุดแต่งงาน และรอให้ช่างตัดเสื้อวัดตัวอย่างเงียบขรึม
เมื่อม่านถูกเปิดออก เหยียนมู่มองเห็นหลิวอวิ๋นเซียงที่อยู่ข้างนอก ส่วนหลิวอวิ๋นเซียงก็เห็นเขาเช่นกัน
ทั้งสี่มองหน้ากันและกัน โดยไม่อาจบรรยายความรู้สึกในเพลานั้นได้ ก่อนที่ม่านจะค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง
“เจ้าเจ็ด ข้าจะบอกให้นะ…”
โจวหลี่ไหวเงยหน้ามองเหยียนมู่ที่จ้องตรงไปที่ประตู “ใครให้เจ้าเปิดม่าน”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน