หลิวอวิ๋นเซียงพยักหน้า สิ่งที่พอจะช่วยเหลือเขาได้ นางก็ทำเต็มที่แล้ว ไม่เสียแรงที่เขาช่วยรับโทษแทน ส่วนเรื่องอื่น นางคงช่วยอะไรไม่ได้อีก
ถ้าช่วยไม่ได้ ก็ใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขก็พอ
ยามบ่าย หิมะภายนอกหยุดตกแล้ว
หลิวอวิ๋นเซียงออกมาจากห้องเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หิมะครั้งนี้ตกหนักมากจริง ๆ จิ่นเยียน จื่อจิน และป้าจางช่วยกันโกยหิมะในลานบ้าน
หลิวอวิ๋นเซียงเห็นประตูห้องพักฝั่งตะวันออกเปิดออก เยี่ยนอี๋เหนียงโผล่หน้าออกมา มองมาที่นางแวบหนึ่ง แล้วหดตัวกลับเข้าไป
นางไม่ค่อยออกจากบ้าน จนแทบจะลืมไปแล้วว่ามีคนนี้อยู่ด้วย
เมื่อคราวที่เด็กเกิดมา ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องราวร้ายแรงสักเพียงใด หลิวอวิ๋นเซียงคิดจะส่งเยี่ยนอี๋เหนียงไปอยู่ที่อารามแม่ชี แต่ยังไม่ทันที่นางจะก้าวไปถึงสองก้าว ประตูก็ปิดดังปังลงเสียก่อน
หลิวอวิ๋นเซียงถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้กว่านั้น สายตาเหลือบไปเห็นต้นเฟื่องฟ้าข้างกำแพง มีว่าวตัวหนึ่งติดอยู่บนนั้น
นางชะงักไปครู่หนึ่ง รีบให้จื่อจินไปหยิบลงมา
ว่าวไม่ได้ถูกหิมะทับ คงจะปลิวมาติดหลังจากหิมะหยุดตกแล้ว นั่นหมายความว่าเพิ่งจะมาติดอยู่ที่นี่เอง
บนว่าวทั้งสองด้านไม่มีตัวอักษรใด ๆ หลิวอวิ๋นเซียงนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบให้จื่อจินพยุงไปที่ประตูเรือนตะวันออก
ประตูที่ปิดตายบ่งบอกว่าเรือนนี้ไร้ผู้อยู่อาศัย หากแต่ว่าวที่ลอยอยู่บนฟ้าเล่า จะอธิบายได้อย่างไร?
หลิวอวิ๋นเซียงกลับเข้าห้องไปพร้อมกับความสงสัยขุ่นมัว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งให้จื่อจินออกไปสืบข่าวคราวความเคลื่อนไหวในราชสำนัก
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวคราวของจวนซูผิงอ๋อง”
จื่อจินรับคำแล้วออกไป จนกระทั่งกลับมาในเวลาอาหารเย็น นางรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน จวนซูผิงอ๋องถูกค่ายใหญ่ชานเมืองปิดล้อมเอาไว้ จนถึงบัดนี้ก็ยังคงมีทหารควบคุมอย่างแน่นหนา ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
“มีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”
จื่อจินครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “อ้อ ยังมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง แม่ทัพเดชฮึกเหิมหลี่ซั่วถูกริบทรัพย์และถูกกล่าวหาว่าก่อกบฏ แต่ดูเหมือนหลี่ซั่วจะรู้ตัวล่วงหน้า จึงพาภรรยาและลูกสาวหลบหนีไปแล้ว”
หลิวอวิ๋นเซียงขมวดคิ้ว ท่านแม่ทัพใหญ่หลี่ซั่วในอดีตเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับซูผิงอ๋อง นับว่าเป็นมือขวาของซูผิงอ๋องเลยทีเดียว
จากเรื่องนี้ จึงอนุมานได้ว่า ซูผิงอ๋องอาจมีส่วนพัวพันกับคดีกบฏครั้งนี้ด้วย
“แล้วซื่อจื่อซูผิงอ๋องเล่า?”
จื่อจินส่ายหน้า “ยังไม่ได้ข่าวคราวของเขา แต่ช่วงนี้ทางการกำลังตามจับโจรผู้ร้าย ตรวจตราประตูเมืองอย่างเข้มงวด ข้าคิดว่าไม่น่าจะจับโจรธรรมดา คงเป็นอาชญากรสำคัญมากกว่า”
ป้าจางพูดขึ้นว่าจะไปแบกข้าวสารกลับมาจากร้านขายข้าว พอเปิดประตูรั้วออกไป ก็เผอิญเจอกับแม่เฒ่าจากเรือนตะวันออก
“โอ้ ถนนลื่นขนาดนี้ ท่านจะถือกล่องข้าวไปไหนหรือ?”
แม่เฒ่าดูเหมือนจะหูตึง ป้าจางจึงต้องตะโกนเสียงดัง ฝ่ายแม่เฒ่าเองก็ตอบกลับมาเสียงดังไม่แพ้กัน
“ซื้อ... ซื้อขนมแป้งทอด ลูกสาวข้าอยากกิน”
“ขนมแป้งทอดมีแต่ตอนเช้า ตอนนี้หมดแล้วล่ะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน