“หรือว่าจะเป็น... หนู?” จิ่นเยียนเลิกคิ้วพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
ทันทีที่พูดจบ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นชัดเจนอีกครั้ง ก่อนจะกลายเป็นเสียงสะอึกสะอื้นราวกับพยายามปิดปากร้องไห้
จื่อจินรีบลุกขึ้นและเดินไปตามเสียงนั้น เสียงนี้มาจากกำแพงด้านตะวันออกที่แขวนผ้าหยาบฝุ่นหนาไว้มากมาย จื่อจินใช้ดาบปลายแหลมเปิดผ้าออกและพบว่ามีประตูลับอยู่ด้านหลัง
นางหันกลับไปมองหลิวอวิ๋นเซียงครู่หนึ่ง ก่อนใช้ดาบเคาะประตูบานนั้น
ภายในไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เสียงร้องไห้นั้นพลันหยุดชะงักลง
หลิวอวิ๋นเซียงกระแอมแห้งๆ พร้อมพูดกับจื่อจินอีกครั้ง “บางทีข้าอาจหูฝาดไปเอง กลับกันเถอะ”
จื่อจินตอบรับเบาๆ ก่อนหันหลังเดินกลับไป ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็ต้องหยุดชะงักหันกลับไปมองที่ประตูลับอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ สตรีคนหนึ่งวิ่งพุ่งออกมาโดยมีเด็กน้อยอยู่ในอ้อมแขน ทำให้จื่อจินรีบยืนขวางหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
สตรีคนนั้นนั้นร้องขอความเมตตาอย่างตื่นตระหนก “นายท่านผู้ใจดี โปรดเห็นใจด้วยเถอะ ข้ากับลูกร่อนเร่พเนจรอยู่ข้างนอก ช่างเหน็บหนาวเหลือเกิน ข้าไม่มีที่ไปแล้ว ให้ข้าพักที่โถงบรรพบุรุษของพวกท่านสักสองสามวันเถิด”
เด็กน้อยในอ้อมแขนนั้นอายุเพียงเจ็ดหรือแปดเดือน เขากำลังร้องไห้ราวกับรู้สึกหิวโหยมากเหลือเกิน
ส่วนสตรีคนนั้นผมเผ้ายุ่งเหยิงปิดหน้าปิดตา แต่น้ำเสียงช่างฟังดูคุ้นเคยนัก หลิวอวิ๋นเซียงมองหน้าจิ่นเยียน บ่าวของนางเองก็สงสัยเช่นกัน จึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาสตรีคนนั้น
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ เอียงศีรษะพินิจมองครู่หนึ่งจึงตะโกนออกมาว่า “ลี่อี๋เหนียง!”
สตรีคนนั้นตกใจจนถึงขีดสุด และพยายามวิ่งหนีออกไป แต่ถูกจื่อจินขวางเอาไว้
“เลิกซ่อนได้แล้ว พวกเราทุกคนเห็นกันหมดแล้ว” จิ่นเยียนพูดอย่างจนปัญญา
ในวันนั้น ลี่อี๋เหนียงสังหารเซี่ยจื่อเซวียนและหนีไปพร้อมกับลูก หลิวอวิ๋นเซียงเห็นแก่ลูกของนางจึงไม่ถือสาเอาความใดๆ
ความจริงแล้วจวนโหวไม่ได้แจ้งกับทางการเพราะหากข่าวแพร่สะพัดออกไปคงเป็นที่น่าอายยิ่งนัก ต่อมาจวนโหวประสบปัญหาถูกลิดรอนตำแหน่ง ดังนั้นจึงให้ยามในจวนตามหานางไม่กี่วัน เมื่อหาไม่เจอจึงรามือกันไป
แต่ลี่อี๋เหนียงที่กลัวถูกจับจึงหนีไปซ่อนตัว ใช้ชีวิตอย่างลำบาก
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ลี่อี๋เหนียงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองไปทางห้องทิศตะวันตก เมื่อเห็นว่าหลิวอวิ๋นเซียงไม่ได้ตั้งใจถือสาเอาความเรื่องนี้ นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและทรุดตัวลงกับพื้น
ด้านหลังประตูลับมีห้องมืดแคบๆ ไม่มีแสงแดดสาดส่องเข้าไปถึง ทำให้ทั้งอับชื้นและเย็นเยียบ
ลี่เหนียงปูหญ้าแห้งเป็นชั้นๆ บนพื้นเป็นที่นอนของตนเองกับลูกชาย
จิ่นเยียนเดินเข้าไปดู นั่นมันไม่ใช่สถานที่ที่คนควรอาศัยอยู่เลยด้วยซ้ำ
เพลานี้ลี่เหนียงกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะ โดยมีลูกอยู่ในอ้อมแขนและยัดข้าวเข้าปากตัวเองกับลูกชายสลับกันอย่างหิวโหย
หลังกินข้าวเสร็จ จิ่นเยียนจึงบอกเรื่องที่จวนโหวไม่ได้แจ้งทางการให้ลี่เหนียงฟัง ลี่เหนียงรู้สึกดีใจก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้นมาร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
“เพลานั้นข้าเลอะเลือนไปแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงฆ่าเขา”
“ข้าเสียใจ เสียใจจริงๆ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน