หมาป่าหนึ่งหรือสองตัวนั้นอาจไม่อยู่แล้ว แต่ยังคงมีจิ้งจอกกับนกแร้งเฝ้ารออยู่ คำคืนนี้ยังคงเต็มไปด้วยอันตราย
หลิวอวิ๋นเซียงลากร่างอันอ่อนแอขึ้นรถม้าโดยมีเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ในอ้อมแขน จื่อจินเป็นคนบังคับรถม้า ส่วนเยี่ยนอี๋เหนียงพึมพำสวดมนต์ภาวนาอยู่ในรถม้า
เส้นทางยามกลางคืนไม่สะดวกนัก ขรุขระกระแทกไปมาตลอดทาง
เมื่อลงจากภูเขาได้ไม่นานนัก ก็มีชายชุดดำหลายสิบคนมาล้อมรอบพวกนางเอาไว้
จื่อจินที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เพลานี้ทำได้เพียงกัดฟันต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป
เพลานั้นลูกธนูถูกยิงเข้ามาในรถม้า หลิวอวิ๋นเซียงอุ้มลูกน้อยลงมาด้วยความตกใจ โดยมีเยี่ยนอี๋เหนียงวิ่งตามหลังอย่างใกล้ชิด
ลูกธนูแหลมคมพุ่งผ่านอากาศ ยากยิ่งที่พวกนางจะหลบหลีกมันได้
ขณะที่พยายามหลบลูกธนูอยู่นั้น กลับมีลูกธนูพุ่งมาจากอีกด้าน เยี่ยนอี๋เหนียงรีบวิ่งมาขวางเอาไว้ด้วยตัวสั่นเทา
ทำให้ลูกธนูนั้นปักเข้าที่กลางอกอย่างจัง
“เยี่ยนอี๋เหนียง!” หลิวอวิ๋นเซียงกรีดร้องสุดเสียง
ทันใดนั้นเอง ชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาปกป้องพวกนางอย่างรวดเร็ว
หลิวอวิ๋นเซียงล้มลงกับพื้นพร้อมเยี่ยนอี๋เหนียงในอ้อมแขน “เยี่ยนอี๋เหนียง...”
เยี่ยนอี๋เหนียงพลันกระอักเลือดออกมาเต็มปาก “จื่อยวน…”
จื่อยวนคือชื่อของท่านโหวเฒ่านั่นเอง
“ท่านอดทนไว้ พวกเราจะพาท่านไปหาหมอ ไว้ท่านหายดีแล้ว ข้าจะพาท่านไปหาท่านโหวเฒ่าที่ม่อเป่ย!” หลิวอวิ๋นเซียงกล่าวอย่างตื่นตระหนก
“ขะ ข้า...คงไม่ได้เจอ...เขาแล้ว...”
“ต้องได้เจอสิ”
“จากลาปีนั้น...กลับกลายเป็น...จากลาตลอดกาล...”
“ข้าจะช่วยห้ามเลือดก่อน”
“ไปหาเขาแทนข้า...”
เยี่ยนอี๋เหนียงหยิบจี้หยกออกจากอ้อมแขนด้วยความยากลำบาก “จี้หยกบรรพบุรุษตระกูลเซี่ย... เขามอบให้ข้า... บอกว่าข้า... เป็น... ภรรยาเพียงคนเดียวของเขา...”
หลิวอวิ๋นเซียงรับจี้หยกไป ขณะที่ดวงตาของเยี่ยนอี๋เหนียงปิดลงอย่างฝืนไม่ได้อีกต่อไป
เพลานั้นชายชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกับถอดหน้ากากออก เขาคือขอทานคนหนึ่ง
“ฮูหยิน นายท่านเจ็ดสั่งให้พวกเราปกป้องท่าน พวกวายร้ายเริ่มลงมือกันแล้ว พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่”
หลิวอวิ๋นเซียงค่อยๆ หลับตาลง วางเยี่ยนอี๋เหนียงลงกับพื้น พร้อมกระชับทารากในอ้อมแขน “อืม ไปกันเถิด”
ในค่ำคืนอันมืดมิด รถม้าเคลื่อนตัวไปบนถนนเส้นยาว
ขณะที่ขอทานกำลังขับรถม้า หลิวอวิ๋นเซียงที่อยู่ด้านในก็ช่วยจื่อจินพันแผล
เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มหิวและร้องไห้โวยวาย ทว่าเพลานี้พวกนางกำลังหลบหนี ไม่มีสิ่งใดให้กิน
หลิวอวิ๋นเซียงอุ้มทารกที่ร้องไห้จนหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด เด็กคนนี้ปกป้องลูกของนางจากอันตราย ต่อไปยังต้องอยู่กับนางอย่างลำบาก
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงเริ่มแกะเสื้อผ้าออกและเริ่มให้นม
พลางคิดในใจว่าเพลานี้ลูกของนางจะหิวหรือไม่ มีนมกินบ้างหรือเปล่า

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน