“เอ่อ พวกเขาตายกันหมดแล้ว” แถมยังถูกพิษของเจ้าปลิดชีพเสียด้วย
จ้งหมิงเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของเหล่าชายชุดดำที่นอนตายอย่างน่าสยดสยองอยู่บนพื้น ดวงตากลมโตพลันแดงก่ำ “หวั่นเอ๋อร์ฆ่าคน หวั่นเอ๋อร์กลัวเหลือเกิน”
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว”
“หวั่นเอ๋อร์เป็นคนไม่ดีใช่ไหม?”
“หวั่นเอ๋อร์เป็นคนดี หวั่นเอ๋อร์ทำไปเพื่อช่วยพี่หญิงและสิงอี้”
“พี่หญิง!”
“หวั่นเอ๋อร์!”
ขณะที่หลิวอวิ๋นเซียงกำลังซาบซึ้งใจ จ้งหมิงก็กระซิบว่า “ข้ามีบุญคุณช่วยชีวิตพี่หญิง พี่หญิงจะยอมให้หวั่นเอ๋อร์เป็นภรรยาเท่าเทียมได้หรือไม่?”
หลิวอวิ๋นเซียง “...”
ในเวลานี้ จื่อจินและคนอื่น ๆ ก็จัดการกับชายชุดดำที่อยู่ข้างนอกเสร็จสิ้นแล้ว เห็นศพหลายศพในห้องโถงใหญ่ ใบหน้าของทั้งสามคนก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันไป
ขอทานนั่งยอง ๆ ตรวจสอบศพเหล่านี้อย่างละเอียด จากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่รู้ว่าใครส่งมา แต่ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว”
หลิวอวิ๋นเซียงพยักหน้า แล้วสั่งให้จื่อจินไปเก็บข้าวของเมื่อฟ้าสาง พวกเขาก็จะออกเดินทาง
จ้งหมิงได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้โฮ “พี่หญิงใจร้าย จะทิ้งหวั่นเอ๋อร์แล้วหรือ?”
หลิวอวิ๋นเซียงหันไปมองขอทาน ขอทานเองก็ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร
“พวกเขาพบเรือนนี้แล้ว หากจ้งหมิงอยู่ที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัย พาเขาไปกับพวกเราเถอะ” ขอทานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสริมว่า “อีกอย่าง นายบ่าวคู่นี้วรยุทธ์สูงส่ง ไม่เพียงแต่จะป้องกันตัวเองได้ ยังสามารถช่วยเหลือพวกเราได้อีกด้วย”
หลิวอวิ๋นเซียงเห็นจ้งหมิงร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม จึงปฏิเสธไม่ลงจริง ๆ
“เช่นนั้น หวั่นเอ๋อร์ เจ้าไปกับพวกเราเถอะ”
จ้งหมิงได้ยินดังนั้นก็หยุดร้องไห้ในทันที รีบวิ่งแจ้นไปทางเรือนตะวันตกด้วยความดีใจ “ฮัวจู๋ เอาชุดใหม่ที่ข้าเพิ่งทำเสร็จไปด้วย พอเจอเหยียนหลางแล้ว ข้าจะใส่ให้เขาดู”
หลิวอวิ๋นเซียงนิ่งไปครู่หนึ่ง หันไปถามขอทานว่า “เขาจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรือ?”
“อันนี้บอกไม่ได้”
“ถ้าเหยียนมู่ไม่แต่งงานกับเขา มีหวังได้โวยวายพลิกฟ้าพลิกดินแน่”
“เอ่อ ข้าเกรงว่าเจ้าเจ็ดจะรับมือไม่ไหว”
เพราะต้องพาเด็ก ๆ เดินทาง พวกเขาจึงเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า กว่าจะถึงเมืองชายแดนเมืองเยี่ยนกุย ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเสียแล้ว
ทางเหนือนั้นอากาศหนาวเย็นเร็ว เพิ่งจะเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง หิมะก็โปรยปรายลงมาแล้วรอบหนึ่ง
มีโรงเตี๊ยมอยู่ห่างจากนอกเมืองเยี่ยนกุยไปสิบลี้ พวกเขาพักค้างคืนที่นี่ เดิมทีถ้ารีบหน่อยก็สามารถเข้าเมืองได้ แต่จ้งหมิงเป็นไข้หวัด ระหว่างทางหมดสติไป จึงต้องพักที่นี่ก่อน
หลิวอวิ๋นเซียงขอผลไม้แห้งจากเถ้าแก่โรงเตี๊ยมหนึ่งจาน แล้วไปที่ห้องของจ้งหมิง เห็นฮัวจู๋กำลังป้อนยาให้เขาอยู่พอดี
“ทำไมยานี้ถึงขมเช่นนี้ หวั่นเอ๋อร์ทนดื่มไม่ไหวจริง ๆ” จ้งหมิงออดอ้อนฮัวจู๋
ฮัวจู๋หน้าบึ้งเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ยามันก็ขมแบบนี้”
“หวั่นเอ๋อร์ไม่อยากดื่ม”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน