“หลังจากที่ตระกูลเหยียนถูกประหารล้างโคตร ข้าก็ถูกพ่อบุญธรรมส่งเข้าวัง เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก็ผลัดกันรังแกข้าทุกวัน วันนั้นที่อุทยานหลวง ข้าถูกองค์รัชทายาท องค์ชายสาม และองค์ชายสี่รุมล้อม พวกเขาด่าทอ ขว้างปาหินใส่ข้า เหมือนเช่นเคย เหล่าขันทีนางกำนัลก็ยืนมองดูอย่างเย็นชา เหล่าสนมที่ผ่านไปมาก็เห็นเป็นเรื่องตลก ไม่มีใครช่วยข้า เลือดไหลอาบจนบดบังสายตา ในตอนนั้นเอง เสี่ยวจิ่วก็วิ่งเข้ามา กางแขนเล็ก ๆ ของนางออกแล้วขวางอยู่ตรงหน้าข้า”
“ดังนั้น นับตั้งแต่วินาทีนั้น ข้าจึงยอมรับนางเป็นน้องสาว”
เหยียนมู่หลับตาลง “เด็กสาวคนนี้ไม่ได้สืบทอดความเห็นแก่ตัวและความเฉยเมยของราชวงศ์ สุดท้ายนางก็กลายเป็นเหยื่อ”
หลิวอวิ๋นเซียงจับมือเหยียนมู่ “ท่านก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวและเฉยเมย”
“หึ นอกจากความเห็นแก่ตัวและความเฉยเมยแล้ว ข้ายังมีสิ่งที่ดีกว่าพวกเขาอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือความโหดเหี้ยม”
หลิวอวิ๋นเซียงเลิกคิ้ว “ท่านโหดเหี้ยมขนาดนี้ เหตุใดยังร้องไห้เล่า?”
“ใครร้องไห้กัน? เจ้าตาบอดหรือไง?” เหยียนมู่กระโดดด้วยความโกรธ
หลิวอวิ๋นเซียงเอียงศีรษะมองอย่างพินิจพิเคราะห์ “ตาแดงอย่างเห็นได้ชัด”
“นั่นมันทรายที่ปลิวมากับลมต่างหาก!”
“อ้อ”
“อ้ออะไรของเจ้า ไม่เชื่อที่ข้าพูดรึไง?”
“เชื่อสิ”
“เห็น ๆ อยู่ว่าไม่เชื่อ!”
หลิวอวิ๋นเซียงหลุดขำออกมา “อย่างไรเสีย ทรายมันแรงมากจริง ๆ ข้าก็โดนเข้าตา ตาแดงเหมือนท่านเลย”
“หึ”
“แต่ข้าก็ร้องไห้จริง ๆ”
“หลิวอวิ๋นเซียง!”
หลิวอวิ๋นเซียงวิ่งหนี เหยียนมู่คว้าตัวนางมากอดไว้พลางเบิกตากว้าง บังคับให้นางมองให้ชัด ๆ
“ร้องไห้หรือเปล่า?”
หลิวอวิ๋นเซียงหัวเราะจนตัวงอ โอบรอบคอเหยียนมู่ไว้พลางกระซิบ “ที่จริงข้าเห็นท่านร้องไห้มาหลายครั้งแล้ว ที่แท้ผู้บัญชาการเหยียน ผู้คนต่างขนานนามว่ายมทูตหน้าเหล็ก ขุนนางทุจริต แท้จริงแล้วเป็นคนขี้แย”
รัตติกาลมาเยือน เมฆดำทะมึนราวกับหิมะกำลังจะตก
บนหอคอยเมืองเจิ้นเป่ย ทหารยามกำลังผลัดเปลี่ยนเวร
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนว่า “นั่นอะไรกัน?”
ในระยะไกลมีเงาสีเข้มกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ภายใต้ความมืดสลัวของรัตติกาล มองไม่เห็นชัดเจน
ทหารยามคนหนึ่งจุดคบเพลิงแล้วขว้างไปทางนั้นสุดแรงเกิด อาศัยแสงไฟวาบ พวกเขามองเห็นได้อย่างเลือนราง
“ดูเหมือนจะเป็นคน!”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน