เด็กที่อยู่อ้อมแขนของเขายังเด็กนัก อายุประมาณหนึ่งขวบ เพลานี้กำลังตัวอ่อนปวกเปียกแล้ว เขาวางเด็กน้อยไว้หลังกองศพ จากนั้นนั่งลงและเฝ้ามองดู
สายฝนตกกระทบลงมาบนใบหน้าของเด็กน้อย เขาจึงยื่นมือออกไปป้องฝนเอาไว้ ทว่าสายฝนกลับผสมดินบนมือกลายเป็นโคลนไหลลงไปที่ใบหน้าของเด็กน้อยแทน ทำให้ใบหน้าเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความสกปรก
เขาอยากเช็ดมันออกให้ แต่ทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยดินโคลนทำให้เขาตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
หลิวอวิ๋นเซียงเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดบนใบหน้าของเด็ก ก่อนเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าดวงตาของเหยียนมู่กำลังแดงก่ำ โดยมีหมอกแห่งน้ำตาปกคลุมอยู่
จิตใจของชายคนนี้ไม่ได้แข็งกระด้าง แต่กลับอ่อนโยนมากจริงๆ
“ลูกสาวของข้าก็อายุเท่านี้เช่นกัน” เขาเอ่ยขึ้น
หลิวอวิ๋นเซียงตระหนักได้ทันทีว่าเขากำลังคิดบางอย่าง
“นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือของมนุษย์”
หลิวอวิ๋นเซียงมองเหยียนมู่ด้วยความตกใจ หรือว่ามีคนจงใจทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้?
หากมีใครวางแผนกระทำเรื่องแบบนี้จริงๆ หลิวอวิ๋นเซียงนึกไม่ออกว่าเลยว่าเขาคนนั้นต้องบ้าคลั่งเพียงใด
ไม่สิ เรียกว่าคนไม่ได้ แต่มันคือปีศาจต่างหาก
“รีบช่วยเด็กคนนี้เร็วเข้า”
เพลานั้นเองก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นจากซากปรักหักพัง
หลิวอวิ๋นเซียงหันมองไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็วเห็นว่าลู่ฉางอันกำลังอุ้มเด็กออกมาจากปากหลุมอย่างยากลำบาก และกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ทหารบางคนที่เห็นจึงรีบรุดไปอุ้มเด็กออกมา แต่กลับทิ้งเขาไว้ที่เดิมอย่างนั้น
บัดนี้เขาได้แต่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างเหนื่อยล้า ช่องว่างอันมืดมิดที่อยู่เบื้องหลังราวกับปากเปื้อนเลือดพยายามจะกลืนกินเขาลงไป
หลิวอวิ๋นเซียงเห็นว่าคานไม้เหนือศีรษะของเขาต้านไว้ไม่อยู่ เริ่มเอียงลงมาช้าๆ นางจึงรีบวิ่งเข้าไปเอามือรับคานไม้นั้นไว้
คานไม้หนักมากจนต้องกางขาออก
ในขณะที่สายลมพัดกระโชกแรงสายฝนเริ่มโหมกระหน่ำมากขึ้น
หลิวอวิ๋นเซียงกวาดตามองผู้คนรอบตัวพบว่าพวกเขากำลังมองมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า บางคนหัวเราะที่ได้ชมละครสนุกๆ บางคนก็หัวเราะเยาะเย้ย นางหันไปมองเหยียนมู่อีกครั้ง และพบว่าเขาเองก็กำลังยิ้มอย่างน่ารังเกียจไม่ต่างจากคนเหล่านั้น
หลิวอวิ๋นเซียงไม่สนใจเขา ก่อนจะหันกลับไปมองลู่ฉางอันที่นอนอยู่บนพื้น เห็นว่าเขาหายใจเร็ว ดวงตาปิดสนิทราวกับหมดสติไปแล้ว
“ซื่อจื่อ! ซื่อจื่อ!”
หลิวอวิ๋นเซียงตะโกนเรียกอยู่สองครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมตื่น
นางพลันสัมผัสได้ถึงหน้าผากที่เริ่มผุดเหงื่อ หากนางทนไม่ไหว คานไม้นี้ก็จะหล่นลงมาทับศีรษะของเขาเต็มๆ
“ลู่ฉางอัน! ลู่ฉางอัน มีสติหน่อยสิ รีบคลานออกไป!”
นางตะโกนเสียงดังไม่ใช่แค่เพราะรู้สึกร้อนใจ แต่ยังหลั่งน้ำตาออกมาอีกด้วย
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน