หลิวอวิ๋นเซียงพยุงลู่ฉางอันขึ้นมา ออกแรงพาเขาไปที่ใต้เพิงไม้ด้วยความยากลำบาก จากนั้นจึงหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาและป้อนน้ำแกงที่เหลือให้เขาดื่ม
ผ้าคลุมหน้าเปียกโชกไปหมด หลิวอวิ๋นเซียงจึงต้องถอดมันออก
เมื่อเจียงหย่วนเห็นใบหน้าที่แท้จริง เขาก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ก่อนหันไปมองเจ้านายที่กำลังยืนตากฝน และเชิญชายคนนั้นกลับไปที่เพิงไม้เช่นกัน ทั้งยังตักน้ำแกงร้อนๆ จากหม้อให้กับเขา และตักน้ำแกงอีกชามให้กับหลิวอวิ๋นเซียง
“ฮูหยิน เชิญดื่มน้ำแกงร้อนๆ ขับไล่ความเย็นในร่างกายก่อนเถิด”
หลิวอวิ๋นเซียงรับไปพร้อมกับตอบว่า “ขอบคุณมาก”
เมื่อเห็นว่าหลิวอวิ๋นเซียงพยายามช่วยลู่ฉางอัน เจียงหย่วนได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงให้ชายคนนั้นลุกขึ้น แล้วยังเห็นหลิวอวิ๋นเซียงป้อนน้ำแกงร้อนๆ ให้กับลู่ฉางอัน ทำให้อดรู้สึกจุกในลำคอแทนเจ้านายไม่ได้
“ฮูหยิน ไม่ใช่ว่าพวกเราโหดร้ายไม่อยากช่วยลู่ซื่อจื่อนะขอรับ แต่พวกเราแค่โกรธ”
“โกรธเรื่องอะไร”
“ตาเฒ่าฟังจื่อหรูเป็นคนสร้างสำนักฉืออี้หลังนี้ขึ้นมา หลังจากทุกอย่างพังทลายจึงค้นพบว่าเสากับคานที่ใช้นั้นบางมาก ทั้งยังถูกมอดกัดแทะ พอดินถล่มลงมา บ้านนี้ก็กลายเป็นเศษซากปรักหักพัง ทำให้มีคนบาดเจ็บมากมายเช่นนี้”
หลิวอวิ๋นเซียงจึงหวนนึกถึงคานไม้เมื่อครู่ มันคงบางจริงๆ ไม่อย่างนั้นนางคงแบกไว้ไม่ไหว
“แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับลู่ซื่อจื่อ”
เจียงหย่วนกล่าวต่อ “เพลานั้นซูผิงอ๋องนำกรมคลังมาดูแลงานด้วยตนเอง ทั้งยัง...”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับตระหนักได้ว่าเขาพูดมากเกินไปแล้ว “อย่างไรเสียจวนซูผิงอ๋องก็ไม่มีคนดีสักคน!”
หลังเจียงหย่วนเดินจากไป หลิวอวิ๋นเซียงก็มองไปยังเศษซากปรักหักพังตรงหน้าพลางจมดิ่งสู่ห้วงความคิดอันลึกซึ้ง
แค่สำนักฉืออี้หลังหนึ่งต้องให้ซูผิงอ๋องมาคุมงานด้วยตนเองเลยหรือ
แล้วทำไมข้างล่างถึงว่างเปล่า
ในเมื่อว่างเปล่า เหตุใดจึงยังสร้างบ้านบนนี้
ก่อนหวนนึกถึงคำพูดของเหยียนมู่เมื่อครู่ “นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือของมนุษย์” นางก็อดรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้
เพลานั้นเอง ฟังจื่อหรูพลันเดินเข้ามาด้วยร่มในมือพร้อมกับพร่ำบ่น
“ข้าอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะช่วยพวกเจ้าอย่างไร”
“ข้าจำยามที่สอนฝ่าบาทในห้องหนังสือได้ดี เขาเคารพในตัวข้าเป็นอย่างมาก ทว่าบัดนี้โลกตกต่ำลงไปมาก พวกคนประมาทเลินเล่อกล้าอวดอำนาจต่อหน้าชาวบัณฑิตอย่างข้าแล้ว”
“หายนะของราชสำนัก โชคร้ายของโลกหล้า”
เหยียนมู่ที่กำลังโกรธจัดไม่มีที่ระบายอารมณ์ จึงเดินออกไปจากเพิงไม้ท่ามกลางสายฝน ตรงไปหาฟังจื่อหรูและเตะเขาอย่างแรง
ร่มกระเด็นออกจากมือฟังจื่อหรูทันที ตัวเขากลิ้งไปกับพื้นหลายครั้งจนทั้งตัวเปื้อนไปด้วยดินโคลน ก่อนที่เขาจะทันโต้ตอบ เหยียนมู่ก็ลากเขาไปเหวี่ยงลงที่กองซากศพ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน