รถม้าแล่นไปตามถนนก่อนจะหยุดลงในไม่ช้า
“ทำไมไม่ขับต่อไปล่ะ” จิ่นเยียนตะโกนถามคนขับด้านนอก
คนขับรถม้าจึงตอบกลับว่า “มีทหารอยู่ด้านหน้าจวนเหวินชางปั๋ว ชาวบ้านที่มามุงดูปิดทางไว้หมดเลยขอรับ”
หลิวอวิ๋นเซียงเปิดม่านรถออกดู นางมองเห็นชายคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนและทหารในแวบแรก
เขาสวมเสื้อผ้าสีดำขลับ ใบหน้าราวกับหยกแกะสลัก ดวงตาเรียวแฝงไปด้วยรอยยิ้มและกำลังเล่นกับกิ่งดอกท้อในมือ ตรงหน้ามีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีแดงกำลังร้องไห้ ขอให้ชายคนนั้นปล่อยครอบครัวของนางไป
หญิงคนนั้นคือหยวนชิงเย่ว์บุตรสาวคนโตแห่งจวนเหวินชางปั๋ว หนึ่งในฝาแฝดเมืองเซิ่งจิงที่มีความสามารถและงดงาม มักพบเจอได้ในงานเลี้ยงต่างๆ ถือเป็นสตรีสูงศักดิ์คนหนึ่ง
หลิวอวิ๋นเซียงลดม่านรถลงแล้วพูดอย่างใจเย็น “วนรถกลับไปทางอื่น”
เมื่อเห็นหยวนชิงเย่ว์ นางก็หวนนึกถึงตัวเองในคืนนั้นที่ร้องขอเขาเช่นกัน
“ฮูหยิน…” จิ่นเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบ “มีแม่นางหยวนคนนี้แล้ว คืนนี้ใต้เท้าเหยียนคงไม่ทรมานท่านแล้วเจ้าค่ะ”
หลิวอวิ๋นเซียงหลับตาลงพลางกล่าวว่า “คืนนี้ไม่ไปสวนกล้วยไม้”
“ถ้าหากใต้เท้าเหยียน...”
“เขาอยากฆ่าใครก็ตามใจ ข้าไม่สนใจอีกแล้ว”
เมื่อสามเดือนก่อน รัชทายาทถูกปลดอย่างกะทันหัน ราชสำนักพบว่าเขาได้แอบส่งจดหมายลับกับจิ้งอันโหวผู้ล่วงลับ พวกเขาจึงเริ่มตรวจสอบสงครามซีเป่ยอีกครั้ง
เซี่ยจื่อเซวียนคุณชายรองจากจวนโหวถูกหน่วยสืบตงชางและศาลต้าหลี่สอบปากคำ ลงนามคำสารภาพครั้งแล้วครั้งเล่าภายใต้การทรมาน
เพลานั้นจวนจิ้งอันโหรวเริ่มร้อนใจ แม้ว่าจิ้งอันโหวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัชทายาท แต่หลังจากซักถามซ้ำๆ เขาก็ต้องแปดเปื้อนแม้ว่าไร้ความผิดก็ตาม
เมื่อคดีไปถึงศาลต้าหลี่ ฮูหยินเฒ่าได้ยินว่าเหยียนมู่ตุลาการศาลต้าหลี่ชื่นชอบสาวงาม นางจึงสั่งให้หลิวอวิ๋นเซียงไปขอร้องเขา
ตอนแรกหลิวอวิ๋นเซียงปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่รัชทายาทถูกตัดสินลงโทษข้อหาก่อกบฏ ข้าราชบริพารหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกประหารเก้าชั่วโคตร เมื่อเห็นว่าจวนโหวจะถูกเอาเรื่อง หลิวอวิ๋นเซียงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนต่อความอัปยศอดสูนั้น
นางขึ้นไปบนเตียงของเขา ขณะที่เขาสัญญาว่าจะทำให้คุณชายรองเซี่ยหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา
แต่หากนางทำให้หมาป่าชั่วร้ายขุ่นเคือง นางจะต้องถูกกลืนกินจนกว่าเขาจะเบื่อและปล่อยนางเป็นอิสระ
จิ่นเยียนมองฮูหยินของตนและรู้สึกว่านางดูต่างไปจากเดิม
“ฮูหยิน ท่านมิได้ผิดต่อจวนจิ้งอันโหวเลยแม้แต่น้อย รู้อย่างนี้บ่าวน่าจะไปขอให้ฮูหยินเฒ่ามอบหนังสือหย่าให้ท่านเร็วกว่านี้”
“หนังสือหย่า?” หลิวอวิ๋นเซียงส่ายหัว พวกเขาหลอกนางมาตลอดชีวิต นางไม่มีวันปล่อยคนเหล่านั้นไปง่ายๆ แน่
หลังจากออกจากเมือง เดินนานกว่าหนึ่งชั่วยาม พวกนางก็ไปถึงนอกหมู่บ้านวั่งสือ หลิวอวิ๋นเซียงลงจากรถม้าและเดินขึ้นไปตามถนนบนภูเขา
มันแตกต่างจากชาติก่อน ที่นี่ไม่มีป่าดอกท้ออันกว้างใหญ่ มีเพียงวัชพืชสองข้างทาง
“แม้เจ้าจะโตแล้ว แต่พ่อกับแม่ยังรักเจ้าเสมอ บัดนี้พ่อของเจ้ากับพี่ชายทั้งสองตกต่ำเช่นนั้น แม่ไม่หวังให้เจ้ารุ่งเรืองเฉิดฉาย เพียงแต่หวังว่าเจ้าจะมีความสุขก็พอ”
“พี่รองที่อยู่ในคุกเป็นอย่างไรบ้าง”
“หลิวซื่อไปขอร้องเจ้าสารเลวเหยียนมู่แล้ว ให้ช่วยพี่รองของเจ้าออกมา เห็นว่ารออีกเดือนสองเดือนก็จะปล่อยตัวกลับบ้านแล้ว”
“นางก็มีพอมีแผนการอยู่มากทีเดียว”
“นางจิ้งจอก แผนการล่อหลวงบุรุษน่ะสิ อย่าพูดถึงนางอีกเลย ลี่เหนียงมอบหลานชายให้กับตระกูลเซี่ยแล้ว ต่อไปแม่จะส่งเงินให้เพิ่มอีกเดือนละหนึ่งร้อยตำลึง จะให้เจ้ากับเด็กๆ ทนลำบากไม่ได้”
“ขอบพระคุณท่านแม่มากขอรับ”
เพลานั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินอุ้มเด็กน้อยออกมา
หญิงคนนั้นมีผ้าโพกรอบหน้าผาก หมายความว่ายังไม่คลอดบุตรไม่พ้นเดือน
“ทำไมอุ้มลูกออกมาอย่างนั้นล่ะ ระวังตากลมมากๆ ไม่ดี” ฮูหยินพลันขมวดคิ้วแน่น
“ท่านแม่ ข้ามาส่งท่านเจ้าค่ะ เจ้าหนูคังเองก็อยากมาส่งท่านย่าด้วย” ลี่เหนียงพูดด้วยสีหน้าประจบประแจง
เมื่อฮูหยินเฒ่าเห็นเด็กในอ้อมแขนของลี่เหนียง ก็ยิ้มออกมาทันที
“โอ้ หน้าตาเหมือนกับพ่อของเจ้าตอนเด็กไม่มีผิด เอาไว้ย่าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าบ่อยๆ นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน