“เพราะเหตุใด”
ลู่ฉางอันส่ายหน้า จากนั้นจึงเหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งเดินมาจากระยะไกล เขารีบให้หลิวอวิ๋นเซียงพาไปซ่อนตัวหลังประตูฉุยฮวาทันที
หลิวอวิ๋นเซียงมองไปและเห็นว่านั่นคือพระชายาซูผิง
เมื่อคิดถึงความบาดหมางระหว่างทั้งสอง หลิวอวิ๋นเซียงจึงรีบประคองลู่ฉางอันไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ยามพระชายาซูผิงเดินผ่านมา
“ผู้ติดตามของท่านล่ะ”
“ไปซื้อยาน่ะ”
หลิวอวิ๋นเซียงเห็นว่าด้านหลังประตูฉุยฮวามีก้อนหินใหญ่ จึงประคองลู่ฉางอันไปนั่งพักทางนั้น เขาเริ่มหอบหายใจแรง ใบหน้าซีดขาวราวกับหายใจไม่ออก
นางรู้ดีว่าเขาเป็นอะไร จึงได้แต่ลูบหลังเขาเบาๆ
หลังจากรอสักพัก นางก็มองออกไปข้างนอก “นางเดินผ่านไปแล้ว”
ลู่ฉางอันพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณเจ้ามาก”
“ข้ามากกว่าที่ต้องขอบคุณท่าน”
ร่างกายของลู่ฉางอันไม่อาจลงสนามแข่งหม่าฉิวได้ด้วยซ้ำ ส่วนผู้ใดเป็นคนบังคับให้เขาเล่นคงน่าจะเป็นพระชายาซูผิงนั่นแหละ
หลังจบการแข่งขัน เขาพยายามฝืนตัวเองเดินมาที่นี่ เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าเขาป่วย ส่วนผู้ติดตามออกไปซื้อยาอย่างเร่งรีบ แม้จะซ่อนตัวอยู่หลังประตู แต่เขายังออกมาช่วยนาง
หลิวอวิ๋นเซียงรู้สึกสะเทือนใจเมื่อหวนนึกถึงชีวิตในชาติที่แล้ว ยามเกิดความอดอยากยากไร้ในเมืองหลวง นางถูกรายล้อมไปด้วยคนหิวโหยกลุ่มใหญ่ โชคดีที่ลู่ฉางอันมาช่วยไว้และมอบถุงอาหารแห้งให้กับนาง
ด้วยอาหารแห้งถุงนี้ ทำให้นาง จิ่นเยียนและจื่อจินรอดชีวิตไปได้
ต่อมา โอรสของสนมเสี่ยวจินเฟยได้ขึ้นครองบัลลังก์ สนมเสี่ยวจินเฟยกลายเป็นไทเฮาและอยากสังหารทุกคนในค่ายเมตตาธรรม แต่เขากลับร้องขอความเมตตาให้คนเหล่านั้น สนมเสี่ยวจินเฟยรู้สึกไม่พึงพอใจ ไม่นานเขาจึงถูกใส่ความอย่างไม่เป็นธรรม และถูกวางยาพิษสิ้นใจตายในเรือนจำ
เพลานั้นนางได้ติดสินบนและเข้าไปเยี่ยมเขาในคุก เขายังจับมือนางและพูดว่า
“หากชาติหน้ามีจริง ข้ายินดีผิดต่อทุกคนในใต้หล้า เพียงแค่อยากอยู่กับเจ้าตลอดไป”
ลู่ฉางอันยอมสารภาพก่อนสิ้นใจตาย แต่นางไม่ได้ตอบรับเขา
หลิวอวิ๋นเซียงคิดว่ายังมีเวลาอีกนาน แต่ไม่คิดว่าครั้งนั้นจะเป็นคำกล่าวลาสุดท้าย
หากพูดว่าติดค้างใครสักคน สิ่งเดียวที่นางติดค้างในชาติที่แล้วคงจะเป็นลู่ฉางอัน
ลู่ฉางอันโบกมือและยิ้มอย่างขมขื่น “หากหูหย่งลงมือขึ้นมาจริงๆ แค่เตะครั้งเดียวข้าก็คงลงไปนอนกับพื้น ลุกขึ้นไม่ได้อีกเลย ในฐานะชายชาตรี ข้าถือว่าไร้ประโยชน์มากเหลือเกิน”
หลิวอวิ๋นเซียงส่ายหน้า “ซื่อจื่อคือพระจันทร์สุกใสบนท้องฟ้า จะเทียบกับแมลงชั้นต่ำอย่างหูหย่งได้อย่างไร”
ลู่ฉางอันเงยหน้าขึ้นมองหลิวอวิ๋นเซียง แต่เพราะมารยาท เขาจึงมองแวบเดียวและเบือนหน้าไปทางอื่น “ผู้ติดตามของข้าใกล้กลับมาแล้ว ฮูหยินสาม เชิญออกไปก่อนเถิด หากใครมาเห็นเข้าเกรงว่าอาจทำลายชื่อเสียงของเจ้าได้”
หลิวอวิ๋นเซียงเห็นว่าใบหน้าของลู่ฉางดีขึ้นมากแล้ว นางจึงเดินออกไปทางประตูหลัง
หลังจากนั้นไม่นาน ฉางอวี้ผู้ติดตามของลู่ฉางอันก็กลับมา เขาป้อนยาลู่ฉางอันสองสามเม็ด จากนั้นชูปิ่นไข่มุกในมือขึ้นมา “ไม่รู้ว่าแม่นางคนใดทำตกไว้ขอรับ”
ลู่ฉางอันพลันนึกถึงหลิวอวิ๋นเซียง เขาจึงแบมือออกของปิ่นไข่มุกจากฉางอวี้ “ข้ารู้ว่าเป็นของใคร ไว้รอมีโอกาสข้าจะนำไปคืนเจ้าของ”
หลิวอวิ๋นเซียงเดินออกจากประตูหลัง เดิมทีนางอยากผ่านทางเดินไปยังสวนไห่ถัง เพื่อกล่าวลาฮูหยินกั๋วกงก่อนกลับจวน แต่เจอเข้ากับเหยียนมู่อีกครั้ง
เมื่อนึกถึงการหยอกล้อครั้งก่อน หลิวอวิ๋นเซียงก็รู้สึกโกรธและพยายามเดินเลี่ยงเขาออกไป
“มานี่” เขากล่าวขึ้นเบาๆ
ถือว่าเป็นแค่เสียงสุนัขเห่าแล้วกัน ใครจะเดินไปกันล่ะ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน