ไม่นานนัก ผู้ดูแลก็พาเจ้าหน้าที่จากจวนผู้ว่าราชการมณฑลเข้ามา พร้อมกันนั้น อวี้เหลียนสาวใช้ข้างกายฮูหยินเฒ่าก็มาตามนางไปยังเรือนตะวันออก
นางให้จิ่นเยียนพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหาหลักฐาน ส่วนนางก็ตามอวี้เหลียนไปยังเรือนตะวันออก
ภายในห้องปีกตะวันตก ใบหน้าของฮูหยินเฒ่าเขียวคล้ำด้วยความโกรธ
“เจ้ามันช่างน่าเหลือเชื่อ ถึงกับกล้าไปแจ้งความ!” นางตบโต๊ะด้วยความเดือดดาล
หลิวอวิ๋นเซียงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ข้าทำของหาย ข้าก็ต้องไปแจ้งความสิเจ้าคะ เหตุใดท่านแม่จึงต้องกริ้วเช่นนี้?”
“เจ้า...ตอนนี้จวนโหวของเรากำลังหลบซ่อน กลัวว่าฝ่าบาทจะเห็น เจ้ากลับไม่สงบเสงี่ยม นี่มันจะทำให้คนในจวนโหวเดือดร้อนกันหมด!”
“ฝ่าบาทจะลงโทษพวกเราเพียงเพราะเราทำของหายแล้วไปแจ้งความหรือเจ้าคะ? นี่มันเหตุผลอะไรกัน แถมฝ่าบาทมีราชกิจมากมาย คงไม่มาสนใจเรื่องเล็กน้อยของจวนเราหรอกเจ้าค่ะ”
“ข้าพูดคำหนึ่ง เจ้าพูดคำหนึ่ง มีลูกสะใภ้ที่ไหนมาขึ้นเสียงใส่แม่สามีแบบนี้บ้าง?”
หลิวอวิ๋นเซียงกล่าวด้วยความน้อยใจ “ข้าก็แค่พูดตามความเป็นจริง ท่านแม่เอาไฟโทสะมาจากไหนกัน”
“ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะทำของอะไรหาย รีบหาข้ออ้างไล่พวกเจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าราชการมณฑลไปเสีย”
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ของมีค่าของข้าเหลืออยู่แค่นั้น เมื่อคืนถูกขโมยไปจนหมด ข้าเสียดายแทบขาดใจ”
“แค่ผ้าขี้ริ้วไม่กี่ผืน พลิกไปพลิกมาก็ไม่มีชิ้นไหนมีค่า เจ้าจะเสียดายอะไรนักหนา?”
หลิวอวิ๋นเซียงลังเลเล็กน้อย “ท่านแม่รู้ได้อย่างไรว่าในห้องเก็บของของข้ามีสิ่งใดบ้าง?”
สีหน้าของฮูหยินเฒ่าดูเลิ่กลั่ก “ข้าเดาเอา”
หลิวอวิ๋นเซียงก้มหน้าลงยิ้ม “เจ้าหน้าที่จากจวนผู้ว่าราชการมณฑลมิใช่คนไร้ฝีมือ เว้นเสียแต่จะเป็นขโมยระดับพระกาฬ ไม่งั้นต้องหาเบาะแสเจอบ้างหรือไม่ก็ลองไปถามโรงรับจำนำดู เผื่อคนขโมยเอาไปจำนำเพราะร้อนเงิน”
คราวนี้ ฮูหยินเฒ่าทนไม่ไหวอีกต่อไป
“พอแล้ว เรื่องมันเป็นแค่ความเข้าใจผิด เมื่อคืนนี้ข้าให้ผู้ดูแลไปเอาของในห้องเก็บของของเจ้า แต่ไม่ได้บอกเจ้าเท่านั้นเอง”
หลิวอวิ๋นเซียงเบิกตากว้าง “ท่านแม่ขโมยหรือเจ้าคะ?”
“สินเดิมของเจ้าที่นำมาที่จวนโหว ก็ถือเป็นของจวนโหว ข้าเอาของของจวนโหว จะเรียกว่าขโมยได้เยี่ยงไร?”
หลิวอวิ๋นเซียงแสร้งทำสีหน้าน้อยพลางกล่าวว่า “ท่านแม่พูดถูกต้องเจ้าค่ะ ข้าจะไปแจ้งกับพวกเจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าราชการมณฑลเดี๋ยวนี้ ว่าพวกเขาเสียแรงเปล่าที่ต้องมา เพราะคนที่แอบงัดประตูเข้ามาในเรือนของบ้านรองตอนดึกสงัด แล้วขโมยของในห้องเก็บของข้าไปนั้น เป็นคนของฮูหยินเฒ่า ไม่ใช่โจรข้างนอก”
“เจ้า!”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“หยุดนะ ถ้าเจ้าไปพูดกับพวกเขาแบบนั้น มิเท่ากับทำลายชื่อเสียงของข้าหรือ!”
“ทำไมถึงเป็นการทำลายชื่อเสียงของท่านแม่เล่าเจ้าคะ ข้าพูดผิดตรงไหน?”
ฮูหยินเฒ่าโมโหจนกัดฟันกรอด แต่ก็รู้ทันว่าหลิวอวิ๋นเซียงจงใจยั่วโทสะ นางเคยเชื่อฟังและให้ความเคารพนางอย่างสูง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแข็งข้อ ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย
“ของ ๆ เจ้า ข้าจะให้ผู้ดูแลไปไถ่ถอนคืนมาให้”
“ที่จริงผ้าไม่กี่พับนั่นก็ไม่ได้มีค่าอันใด แต่มีกล่องเครื่องประดับใบหนึ่ง ข้างในมีไข่มุกใต้ทะเลเม็ดโตอยู่หลายเม็ด กำไลหยกสองวง ปิ่นทองสองอัน และสร้อยอิงลั่วประดับพลอยเจ็ดสีเส้นหนึ่ง”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน